อิตาลี : โรม, นครอมตะนิ รันดร์ กาล

สวัสดีครับทุกๆ คน..หลังจากห่างหายไปนาน ตอนนี้ เพิ่งกลับจากเที่ยว เลยขอถือโอกาสนำภาพมาฝาก หวังว่าทุกคนคงจะได้ enjoy กับภาพชุดประกอบคำบรรยายชุดนี้นะครับ

ทริป อิตาลีนี้ เกิดขึ้นจากความผิดหวังของภรรยาผม ในตอนสาวๆ (ตอนที่เป็นแฟนกัน) คือเค้าได้ไปตะลุยทั่วยุโรปกับครอบครัวซะ เดือนนึง เต็มๆ แต่โชคไม่ดี ที่หลุดประเทศอิตาลีไปเนื่องจากขอ Visa ไม่ทัน (ขนาดนั้น ยังรอกันแทบขาดใจ เขียนจดหมายกันวันละฉบับ กลับมาเย็บรวมเล่มได้เลย..)

หลังจากแต่งงาน เค้าก็ฝันว่าจะเที่ยวอิตาลีมานานแสนนาน แต่ตัวผมเป็นคนชอบโซนเอเชีย กว่าจะไปยุโรปครั้งแรก ก็แต่งงานกันมาเกือบเจ็ดปี แถมไปดูงานพ่วงด้วย ไม่ งั้น ไม่ยอม..

สำหรับแผนการเที่ยวอิตาลีนี้ ภรรยาผมเป็นคนจัดการทั้งหมด ( สงสัย ถ้ารอผม ก็ต้องอีก ปีนึง ) ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน ยันที่พัก ตลอดจนรถยนต์เพื่อใช้ในการขับท่องอิตาลีตอนกลาง ..

เอาล่ะครับ..เข้าเรื่องกันได้แล้ว..

ในทริป นี้ ประกอบด้วยครอบครัวผมสี่คน พ่อแม่และลูกลูก (ลูกมีสองคน เลยต้อง เบิ้ล เดี๋ยวน้อยใจ) พวกเราออกเดินทางกันกลางดึกเพื่อให้ไปถึงที่โรมในตอนบ่าย จากนั้น ก็มีรถมารับให้ไปยังที่พัก ซึ่งอยู่นอกเมืองโรม..

สาเหตุที่เราได้ที่พักนอกเมืองโรม เพราะอยากจะประหยัด เลยใช้บริการแลกเปลี่ยนที่พักของ RCI ซึ่งที่พักที่ใกล้โรมที่สุดคือตรงนี้แหละครับ ห่างจากกรุงโรมประมาณ 22 กิโลเมตร ( ขนาดพุทธมณฑลสายสี่มา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้านั่นแหละครับ) แถมที่พักนี้ ยังต้องจองล่วงหน้ากันสองปีเลยทีเดียว .. (พอมองเห็นความพยายามของภรรยาผมหรือยังครับ..)

เมื่อเราไปถึงที่พักและจัดการซื้ออาหารเพื่อเตรียมไปทำกินกันเอง กว่าจะเสร็จก็เย็นแล้ว เลยไม่ได้ออกไปไหน นอกจากเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นแถวๆ นั้น..

เมื่อเราไปถึงที่พักและจัดการซื้ออาหารเพื่อเตรียมไปทำกินกันเอง กว่าจะเสร็จก็เย็นแล้ว เลยไม่ได้ออกไปไหน นอกจากเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นแถวๆ นั้น..

พวกเราอยู่กันจนฟ้าใกล้จะมืด ซึ่งกว่าฟ้าจะมืดของที่นั่น ก็ปาเข้าไปทุ่มครึ่ง เลยได้ภาพของหมู่ต้นไม้ขณะเดินกลับมาอีก รูปนึง..

จะว่าไป การไปพักที่ชานเมืองโรม ก็มีข้อดีเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้า ที่ได้ภาพบรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองครับผม..

โรม เป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีในปัจจุบัน แต่ยังคงมีร่อยรอยความยิ่งใหญ่ในอดีตให้เราเห็นได้ชม สมกับเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองแผ่นดินในอดีตไม่ว่าจะในเรื่องศาสนา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ค่อยกระตุ้นต่อมความอยากให้ผู้คนมาเยือนอยู่เป็นนิจ กรุงโรมจึงได้ฉายาว่าเป็น “ นครอมตะนิรันดร ( The Eternal City ) ”

หมู่ต้นไม้ที่เห็นนั่น ก็ไม่ใช่อื่นไกล ก็คือกลุ่มเดียวกับที่ผมถ่ายภาพมาฝากข้างต้นนั่นแหละครับ..

รับวันใหม่ในโรมวันแรก กับภาพพระอาทิตย์ในอิตาลียามเช้า ถ่ายจากระเบียงห้องเลยนะ ครับเนี่ย.. ตื่นมาปุ๊บ ก็คว้ากล้องปั๊บ อะไรๆ ก็ยังไม่ทำซักอย่าง..จากนั้นก็เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ มาฝาก คราวนี้ ให้เห็นถนนดูมั่ง แถมย้อนแสงด้วย..

ปล. ผมชอบภาพนี้จัง ดูเหมือนมีระเบิดมาลง เลยแฮะ..

จากถ่ายภาพยามเช้า แล้ว พวกเราก็ต้องรีบจัดการกับอาหารเช้า อาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมารอรถ เข้าไปส่งที่สถานีรถไฟตอน 9.00 น. (ไม่ งั้น ต้องรอรอบต่อไป อีกชั่วโมง นึง )

เราตัดสินใจออกเดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟ และไปต่อรถไฟใต้ดินเพื่อเดินทางไปชมวาติกันกันซะก่อน..

วาติกัน ( Citta del Vaticano หรือ Vatican City ) เป็นรัฐ อิสระ ที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการขององค์สันตะปาปา หรือที่เรารู้จักในนามของประมุขของชาวโรมันคาทอลิก วาติกัน เปรียบสเมือน ตราประทับของโรม หากใครมาโรมแล้วไม่ได้ไปชมวาติกัน เรียกได้ว่าไปไม่ถึงโรม สถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ในรัฐวาติกันมี 2 แห่งด้วยกันคือ มหาวิหาร เซ็นต์ ปี เตอร์ และพิพิธภัณฑ์วาติกัน

พอพวกเราไปถึงสถานี Ottaviano San Pietro ซึ่งเป็นจุดหมาย เราก็เดินเล่นมาเรื่อยๆ จนมาถึงรั้วของพิพิธภัณฑ์วาติกัน ที่มีคนต่อแถวกันยาวเหยียด แต่เนื่องจากพวกเรามีเด็กมาด้วย เลยขอผ่าน เพราะถ้าเกิดไปวิ่งเล่น ทำของเค้าแตกหักเสียหาย คงอดกลับเมืองไทย ..

พวกเราเลยขอแวะนั่งจิบกาแฟ ทานสตอเบอรี่ราด วิป ครีมข้นๆ พลางชมคนแถวนั้นไปด้วย นั่งอยู่นานๆ ไม่มีอะไรทำ เลยขอลองกล้องซะหน่อย..

แก้วอีกใบ เช็ดไม่สะอาดนะหนู..

มหาวิหาร เซนต์ ปี เตอร์ ( St. Peter's Basilica ) เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นศูนย์กลางของชาวโรมันคาทอลิก เพราะเป็นที่ที่เชื่อกันว่าร่างของนักบุญปี เตอร์ หัวหน้าอัครสาวกสถิตอยู่ใต้พื้นดินเบื้องล่าง

เซนต์ ปี เตอร์ เป็นพระสันตะปาปาองค์แรก ของศา สนจักรโรมันคาทอริก เดิมท่านเป็นชาวประมงชื่อว่า ซีโมน ต่อมาพระเยซูทรงเปลี่ยนชื่อให้เป็น เปรโต แปลว่า ศิลา ทรงแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของอัครสาวก ( Apostle ) 12 องค์ และทรงมอบกุญแจแห่งสวรรค์ให้ ดังนั้นรูปเสมือนของท่านจะถือกุญแจเสมอ ..

นักบุญ.. เซนต์ ปี เตอร์.. กับบาทหลวง และการ์ดในชุดสีสันสดใส (นัยว่า ถ้าไม่ใช่ไม เคิลแองเจโล ออกแบบ ก็เรม แบรนด์ ที่ออกแบบ..)

เสากลมของมหาวิหาร เซนต์ ปี เตอร์..

เดินจนเหนื่อย ก็มีน้ำพุให้ดื่ม.. หรือจะถ่ายคนรอบข้าง ก็มีให้เลือกเต็มไปหมด..

จบจากวาติกันก็เกือบเที่ยง พวกเราเลยไปต่อที่บันไดสเปน ที่มีคนเยอะมากๆๆๆๆๆ ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหน ก็มีญาติร่วมโลก มาร่วมยิ้มข้างๆ ตลอด..

1 | 2 Next