|
เช้าวันที่ 4
7 8 9 เวลานัดหมายวันนี้ เมื่อวาน อาการแพ้ความสูง (Attitude Sickness) เล่นเอาหงอมไปทั้งคณะ เช้านี้กันเหนียว ขอโดปยากันไว้ก่อน 2 เม็ดค่ะ เช้านี้ทานอาหารเบาๆ คือ ข้าต้ม 1 ถ้วย และนม 1 แก้ว พอแล้ว รู้สึกเหมือนร่างกายยังไม่เข้าที่ไม่กล้ากินเยอะ เดี๋ยวเวลาออกจะทรมานนน..
ตามโปรแกรมเมื่อวานเราไม่ได้ไปหยุน ซาน ผิง เป็นชั้นที่ต่ำที่สุด ซึ่งช่วงที่ไปดอกไม้ยังไม่บาน และอีกชั้นของภูเขาหิมะมังกรหยก คือ เหมานิวผิง ภูเขาหิมะมังกรหยก กระเช้ากลาง เป็นลานจามรี ที่ให้นักท่องเที่ยวสมารถขี่จามรีขึ้นเขา ก็ไม่มีใครสนใจขี่ดังนั้นเราจึงเห็นตรงกันว่าตัดทั้ง 2 ที่ออกจากโปรแกรม
ที่แรกวันนี้เราแวะไปที่หมู่บ้านไป่ซา (ป๋ายซา) เป็นหมู่บ้านของชาวนาซีโบราณ ที่หน้าหมู่บ้านมีกลองขนาดใหญ่ไว้เตือนภัย หมู่บ้านนี้เคยน้ำท่วมทั้งหมู่บ้านมาแล้ว ภายในหมู่บ้านมีการโชว์บ้านวัฒนธรรม และศิลปะต่าง ตั้งแต่การเขียนอักษรตงปา การขายสินค้าพื้นเมือง เดินเข้าไปข้างในมีประตูโชค ประตูลาภ ประตูนรก ประตูสวรรค์ อื่นๆ อีกมากมายที่เดินเข้าไปไม่ถึงค่ะ (รู้เพราะพี่นุกเดินไปกลับมาเล่าให้ฟัง แต่พี่นุกก็อดดูการแสดง) เพราะออกมาก่อนตามเสียงเร่งเร้าของสาวน้อยที่ส่งเสียงมาจากลานการรแสดงด้านหน้า
|
|
|
|
|
|
ที่ลานการแสดงจะมีการแสดงโชว์เป็นรอบๆ เริ่มตั้งแต่มีสาวน้อยน่าซีออกมาร้องเพลงเรียกน้ำย่อยให้ผู้ที่กำลังจะเดินเข้าประตูมาเร่งรีบมาจับจองพื้นที่สำหรับชมการแสดง ที่นี่มีการเก็บค่าเข้าที่หน้าหมู่บ้านคนละ 20 หยวน ส่วนการแสดงชมฟรีค่ะ สาวน้อยร้องเพลงอยู่ 3 เพลงจากนั้นถึงคิวคุณยายออกมายืนกลางลาน ทีแรกยังสงสัยอยู่ว่าออกมาทำอะไร แต่คุณยายก็หบิบใบไม้ออกมาเป่าเป็นเพลงค่ะ เป่าให้เราฟัง 2 เพลงด้วยกัน ใครเคยดูหนังแล้วสงสัยว่าจะเป่าเป็นเพลงได้หรอ.. คุณยายโชว์เองค้าเป็นเพลง น่าจะเป็นเพลงพื้นเมืองของเค้า
|
|
|
|
|
|
"เต้นคู่จีบกัน เหมือนหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือค่ะ" "จมููกแรงสูง เป่าขลุ่ย" "โชว์เป่าใบไม้" |
|
|
รายการถัดไปเป็นการโชว์เป่าขลุยด้วยจมูกค่ะ อันี้เป็นความสามารถเฉพาะตัว คาดว่าต้องปอดใหญ่มากมาก เพราะเป่าอยู่ หลายเพลง พอดีไม่ทันฟังว่าเป่ากี่เพลงเพราะมัวแต่จับภาพอยู่ค่ะ ถัดไปเป็นการเต้นที่มีนักเต้นหนุ่มสาวออกมาเต้นเป็นคู่ๆ ดูจากท่าทางที่แสดงน่าจะเป็นการเต้นจีบกัน เหมือนเวลาเราดูลาวกระทบไม้ของไทยนั่นล่ะค่ะ
ลืมเล่าไปค่ะ ที่นี่มีเค้าเลี้ยงและกินเนื้อจามรีกัน อันนี้รสชาติเป็นอย่างไร มิอาจรู้ได้ ไม่กล้าชิม แต่คาดเดาเอาว่าน่าจะเป็นที่นิยม เพราะมีการแปลงรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายมีแม้กระทั่งลูกอมค่ะ แค่คิกก็ส่ายหัวแล้วค่ะ เพราะจากกลิ่นที่ค่อนไปทางกลิ่นสาปลอยออกมาก็ไม่กล้าลองแล้วค่ะ
|
|
|
|
|
|
มองจากมุมไหนก็มี back ground เป็นภูเขาหิมะมังกรหยก
| |
|
ออกจากหมู่บ้านไป่ซา ซือจีพาเราไปแวะที่ไป่ยซุยเห่อ จากที่ขับรถพาเราเที่ยวอยู่หลายวันซือจีก็เข้าใจ concept ว่าเรา trip เราจะเน้นไปที่ที่ถ่ายรูปสวยๆ ซือจีบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ค่ะ คนที่ชอบถ่ายภาพมาแล้วชอบกัน เพราะมีทะเลสาปที่สวยมากๆ เราเดินตามทางเข้าไป แรกๆ ก็เฉยๆ พอเห็นทะเลสาปแล้วต้องยอมรับเลยค่ะ ว่าไม่ผิดหวัง ทะเลสาปสวยมากๆ เรียกได้ว่าเป็นทะเลสาปที่สวยที่สุดใน trip เลยก็ว่าได้ค่ะ น้ำในทะเลสาปเป็นสีเขียวแต่ใสเห็นปลาที่ว่ายอยู่ เดินเข้าไปข้างในมีบ้านโชว์วัฒนธรรมของชนเผ่าน่าซี ที่นี่เราแวะไม่นาน ต้องไปต่อค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
กองทัพเดินด้วยท้อง ดังนั้นจึงแวะกินข้าวที่ร้านอาหารหน้าปากทางเข้า อุทยานน้ำหยก (อวี้สุ่ยไจว้) หม้อไฟเป็นอาหาร request เนื่องจากเห็นโต๊ะข้างๆ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วอยากลองกินบ้าง แต่ทางร้านแจ้งว่าของเค้านำปลาที่ตกได้มาให้ทำค่ะ เฮ่อ! ถ้าอยากกินต้องไปตกปลาก่อนใช่ไหมนี่.. เราได้กินหม้อไฟเหมือนกันแต่เป็นหม้อไฟเต้าหู้ใส่วิญญาณแฮม เพราะแฮมเค้าชิ้นเล็กมาก แล้วก็ทั้งหม้อเจอสัก 5 ชิ้นไม่รู้ถึงหรือเปล่า
|
|
|
|
|
|
เมื่อมองจากข้างล่างขึนไป |
|
|
อุทยานน้ำหยก (อวี้สุ่ยไจว้) สถานที่แห่งนี้เป็นหัวใจของด้านวัฒนธรรมของชนเผ่านาซี อันประกอบด้วย ประตูสวรรค์ ซึ่งมีรูปปั้นแกะสลักด้วยไม้ ข้างขวาเป็นพ่อ ข้างซ้ายเป็นแม่ และน้ำตกมังกร ที่ไหลหลั่งไปตามไหลเขา แบ่งได้เป็น 3 ชั้น ชั้นแรกมีชื่อว่า มังกรออกถ้ำชั้นที่สองมีชื่อว่า มังกรเล่นน้ำ ชั้นที่สามมีชื่อว่า มังกรโบยบิน และยังมีต้นไม้เทวดา ซึ่งเป็นที่สักการะของคนในพื้นที่ ก็เค้ามีการแสดงให้คนชมตลอดเลยนี่ กลางวันมีการเต้นของชนพื้นเมืองน่าซี ทางเข้าจะอยู่ด้านบน ส่วนทางออกจะอยู่ด้านล่าง มีแผงขายของพื้นเมอง ของป่า และของที่ระลึกขายค่ะ
|
|
|
|
|
|
แต่เมื่อมอง ใกล้ทางออก |
|
|
เลยจาก อุทยานน้ำหยก ไปนิดหนึ่งก็ถึงวัดอวี้เฟิง หรือ วัดยอดหยก เป็นวัดที่สร้างโดยพระลามะจากทิเบต ในปลายรัชสมัยจักรพรรดิคังซี แห่งราชวงศ์ชิง เคยมีคำกล่าวว่า
ราชาของต้นคามีเลีย (ซานฉาฮัว หรือ ต้นชาภูเขา) อยู่ที่ประเทศจีน
ราชาของต้นคามีเลียในจีนอยู่ที่มณฑลยูนนาน
ราชาของต้นคามีเลียในยูนนานอยู่ที่ลี่เจียง ..คือวัดยวี่เฟิงซื่อ แห่งนี้นี่เอง
|
|
|
|
|
|
ดอกคามีเลีย แม้ไม่บานเต็มต้น แต่ก็มีให้เห้นประปราย |
|
|
ที่วัดนี้มีต้นชาอายุกว่า 500 ปี ที่ปลูกกันมาตั้งแต่สมัยราชวงค์หมิง เป็นต้นชาที่ของ 2 สายพันธุ์ที่เกาะเกี่ยวกันอยู่จนเหมือนต้นเดียวกัน เชื่อกันว่าเป็น ต้นคู่สมรัก หากคู่รักใดได้มาถ่ายรูปคู่กับต้นชบต้นชาหมื่นดอกนี้จะได้ครองรักกันยืนยาวตลอดไปเช่นต้นชานี้ และเหมือนเป็นตราคู่กับนี้คือ พระลามะชรา นามว่า ซ่งนาตู นั่งเฝ้าฟูมฟักต้นชาเหมือนไข่ในหินทีเดียว จากประวัติที่พิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ติดไว้ที่ ผนังด้านข้างที่เค้านั่งอยู่ ว่าซ่งนาตูผูกพันกับต้นชานี้มากตั้งแต่แรกเห็นเมื่อมีอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น และเขาตั้งปณิธานว่าจะดูแลต้นยาหมื่นดอกนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่..
|
|
|
|
|
|
หน้าวัดมีแผงขายของที่ระลึก เนื่องจากวัดนี้กรุ๊ปทัวร์คนไทยมักจะต้องไปแวะเสมอ คนขายจึงฟังภาษาไทยออกนิดหน่อย ที่นี่ขึ้นชื่อว่าของสามารถต่อรองราคาได้เยอะมากๆ พี่ isyss เริ่มต้นให้ดูด้วยการต่อสมุดภาพโบราณ ไม่รู้ว่าโบราณทำหลอกหรือเปล่า จากราคาเริ่มต้นที่ 800 หยวน พี่ isyss ต่อที่ 100 หยวน (โอ้โห.. ในใจนะคะ) แล้วก็ได้มาด้วยาคา 120 หยวน เหลือบไปเห็นกำไรอันหนึ่งคล้ยกับอันที่ซื้อมาเมื่อวันก่อน 2 อัน 60 หยวน คนขายบอกราคาเปิดการขายกับเราว่าอันละ 50 หยวน เราก็ถามว่าลดได้เท่าไร ลดแล้ว 30 หยวน สุดๆ แล้วนะ ด้วยความที่อยากลองต่อราคา เลยบอกเค้าไปว่าจะเอา 2 อัน 20 หยวนนะ แล้วกำไรก็เป็นของเราในราคา 2 อัน 20 หยวน ( อะไรกันนี่ แล้วราคาของจริงๆ มันอยู่ที่ไหนกัน )
|
|
|
|
|
|
1 | 2 next >> |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|