|
จากนั้นแวะถ่ายรูปที่หมู่บ้านป๋ายซา อีกเล็กน้อย แวะไม่นาน เพราะวันนี้ตั้งใจกันว่าต้องกลับไปถ่ายรูปการเสดงที่ตลาดสี่เหลี่ยมให้ทัน ถึงตลาดสี่เหลี่ยวประมาณ 5 โมง ตลาดสี่เหลี่ยมที่กว้างกขวาเล็กลงถนัดตาทีเดียว เพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เตียมกล้องมารอชมการแสดงรอบกองไฟ ส่วนนักแสดงชาวน่าซีอาวุโสต่างแต่งกายพื้นเมืองมาเตรียมรอเต้นรอบกองไฟเช่นกัน มีสีสันเพิ่มขึ้นด้วยคนแต่งกายแบบนักรบโบราณถือดาบมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพคู่ด้วยค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อักษรภาพ บนกำแพงวัง |
|
|
กองไฟเริ่มติด นักแสดงเริ่มเต้น นักท่องเที่ยวบ้างก็เดินตามเก็บภาพ บ้างก็ต่อแถวเต้นด้วยอย่างสนุกสนาน แรกๆ hana ก็สนุกด้วยเข้าไปอยู่ใวงรอบกองไฟเพื่อถ่ายรูปขาแด้น เข้าไปสักพักไม่ไหวค่ะ ร้อนมาก อากาศหนาวๆ ยังร้อนได้เลยค่ะ การแสดงจะมีประมาณ 1 ชั่วโมง การแสดงเป็นเหมือนการเปิดฟอล์ ให้บริเวณตลาดสี่เหลี่ยมคึกครื้น ร้านอาหารขนาบคลองด้านข้างจะมีหนุ่มเสิร์ฟ สาวเสริฟ เสริฟ ไป ร้องเพลงโต้กันไปอย่างสนุกสนาน ร้องโต้ข้ามคลองนะคะ เรียกได้เหมือนเดินเข้าไปอยู่ในหนังเชียวค่ะ
|
|
|
|
|
|
เช้าวันที่ 5
วันนี้ตามแผนจะป็นการเดินชม เมื่องเก่าลี่เจียง : The Old Town of Lijieng ที่ได้ชื่อว่าเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ 4 วัน ที่ผ่านมา เราเดินแบบแย็บๆ กันทุกวันวันนี้เราจะชมเมืองตอนที่ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าอยู่ค่ะ วันนี้ตื่นสายกันทุกคนหลังจากสะบักสะบอมมาหลายวัน วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศหาอาหารเช้าทานกันนอกโรงแรม (จริงๆ แล้วตื่นไม่ทันห้องอาหารเค้าเก็บแล้ว เพิ่งทราบว่าที่นี่เค้าเก็บอาหารเช้ากันตอน 9.00 น. ค่ะ) นึกถึงร้านกาแฟ ที่เล็งไว้ทุกครั้งที่เดินผ่าน ร้านนี้แต่งได้น่ารักมาก เจ้าของเป็นสาวเกาหลีค่ะ มาเที่ยวเมืองลี่เจียง แล้วก็หลงรักทั้งเมืองและคนจึงมาเปิดร้านกาแฟอยู่ที่นี่ ด้านบนร้านเป็นเกสเฮ้าส์ด้วยค่ะ
บ้านที่รายล้อมด้วยสายน้ำในลำคลอง และต้นหลิวเรียงรายตามลำคลองเป็นทิวแถว เป็นเสน่ห์อีกอย่างของเมืองเก่า บ้านเรือนที่อยู่ภายในบริเมืองเก่านี้ได้ถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของชาวเขา และคนที่เข้ามาทำร้านขายของที่ระลึก เป็นเกสเฮ้าส์แทน เจ้าของเดิมที่ขายบ้านแล้วเข้าไปอยู่ในเมืองใหม่แทนเพราะในเมืองความสะดวกสะบายมีมากกว่า ทั้งยังปลอดภัยกว่าหากเกิดแผ่นดินไหว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังอยู่ที่เดิมแต่ให้เช่าด้านล่างเป็นร้านค้า
|
|
|
|
|
|
เมื่อขึ้นสูงสุดของหมู่ตึก จะมองเห็นหลังคาของเมืองเก่า |
|
|
ภายในเมืองเก่าบนเนินสิงโต เป็นที่ตั้งของ คฤหาสน์ของผู้ปกครองตระกูลมู่ หรือ มู่ฝู่ ตั้งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของบ้านชาวน่าซีที่ก่ายเกยกันอยู่รอบด้าน สถาปัตบกรรมของหมู่ตึกนี้สร้างลอกเลียนแบบย่อส่วนมาจากพระราชวังโบราณกู่กงที่กรุงปักกิ่ง ที่มีการสร้างเรือนพักในแนวตรง เรือนของผู้ปกครองอยู่ศูนย์กลาง และมีปีกซ้ายและปีกขวาเป็นเรือนพักของคนในตระกูลและของบริวาร
คำจารึกบนผนังกำแพงฝั่งตรงข้ามของมู่ฝู่ จารึกไว้ว่า
ตระกูลมู่ปกครองผู้คนกว่าสองพัน
สร้างวังและห้องหับอันโอฬาร
แลประดุจหนึ่งพระราชวังของเจ้าแผ่นดิน
เป็นคำจารึกของ สวีเจียเค้อ (Qu Jia Ke) นักภูมิศาสตร์และนักบันทึกการเดินทางผู้มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หมิง
|
|
|
|
|
|
ด้านข้างกำแพงที่มีลวดลายเป้็นอักษรตงปา |
|
|
ส่วนที่ประตูทางเข้าที่สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ จารึกคำว่า จง อี้ ( Zhoon Yi ) หมายถึง ซื่อสัตย์ คุณธรรม เสมือนเป็นการตอกย้ำว่าผู้ที่อยู่ใต้การปกครองมีความซื่อสัตย์ต่อและมีคุณธรรมต่อผู้ปกครองตระกูลมู่ ดังเจ้ามหาชีวิตแต่เพียงผู้เดียว
ภายในหมู่ตึกมีภาพเขียนและรูปสมัยต่างๆ ให้ผู้มาเยือนเดินชมได้ตลอดแนวทางเดิน ตามหมู่ตึกต่างๆ มีเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ของผู้เป็นเจ้าของเรือนเก็บไว้ ให้ชมถึงการใช้ชีวิต เดินขึ้นไปบนสุดเป็นศาลสามารถมองเห็นเมืองลี่เจียงทั้งเมือง เห็นหลังคาที่ก่ายเกยของบ้านเรือน วางซ้อนๆ กันอยู่ สวยมากมากค่ะ
ด้านหน้ามีร้านค้าขายของชำ ที่ร้านมีตู้แช่น้ำ เข่อเล่อ เป็นวุ่นเชียวค่ะ อร่อยมาก เพราะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเท้าเหยีบแผ่นดินจีน ที่ได้กินเข่อเล่อแช่เย็น และน้ำแข็งค่ะ
|
|
|
|
|
|
บริเวณลานกลางหมู่ตึกมีการแสดงดนตรี ที่ผู้ร่วมแสดงอายุรวมกันกว่า 1000 ปีค่ะ |
|
|
ดอกคามีเลีย แม้ไม่บานเต็มต้น แต่ก็มีให้เห้นประปราย |
|
|
ด้านหน้ามีร้านค้าขายของชำ ที่ร้านมีตู้แช่น้ำ เข่อเล่อ เป็นวุ่นเชียวค่ะ อร่อยมาก เพราะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเท้าเหยีบแผ่นดินจีน ที่ได้กินเข่อเล่อแช่เย็น และน้ำแข็งค่ะ
ออกจากหมู่ตึกตระกูลมู่ ไปโรงพิมพ์ ระหว่างทางเราต้องเดินย้อนมาทางตลาดสี่เหลี่ยม แล้วก็ประหลาดใจเพราะ dancer สูงวัยผันตัวเป็นมาเป็น singer แทนค่ะ นั่งล้อมวงร้องเพลงพื้นบ้านกัน แล้วทั้งคณะก็ไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากแข่งกันถ่าย portraits ภาพคนถ่ายกันแบบเมามันมาก แก็งนักช็อปจึงขอแยกตัว ไปซื้อของฝากเพราะตั้งแต่มายังไม่ได้ซื้อเลยแล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว พี่isyss กับพี่ maya สั่งว่ามีเวลาเดิน 1 ชั่วโมงเท่านั้นนะ เจอกันที่โรงแรม บ่าย 3
เดินกันแบบยังไม่หน่ำใจเลย ก็ต้องกลับโรงแรมแล้ว เพราะจะต้องไป check out เตรียมไปขึ้นเครื่องตอน 6 โมงเย็นด้วย คืนนี้พักที่คุนหมิง เพื่อต่อเครื่องกลับกรุงเทพตอน 6 โมง เช้า
ส่งสายตา อำลาภูเขาหิมะมังกรหยก ในค่ำคืนนั้นด้วยสายตาอาวรณ์ ภาพชีวิต การดำรงอยู่ และวัฒนธรรมที่ผลัดเปลี่ยนไป กับความพยายามที่จะรักษาวัฒนธรรมนี้ให้คงอยู ลี่เจียงจึงยังคงเสน่ห์ให้กับผู้มาเยือนไม่รู้ลืม..
|
|
|
-- Hana --
|
|
|
|
|
|
|
|
|
<< Back 1 | 2 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|