Shangri-la ดินแดนในฝันของหลายๆ คน
นับตั้งแต่ที่ผมได้ดูภาพจาก สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในตอน Shangri-la แล้ว ก็เลยทำให้ผมตัดสินใจได้ทันทีว่าช่วงปิดเทอมเดือนตุลานี้ จะไปที่ไหน..ดินแดนสวรรค์บนโลก.. Shangri-la.. ที่ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาของตนเอง..
สำหรับผมแล้ว การเดินทางไปเมืองจีนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่บังเอิญว่าคราวนี้ เราจะไปยังดินแดนท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่ ดังนั้นเพื่อความแน่ใจ เราจึงตัดสินใจใช้บริการทัวร์ (ตอนแรกไม่ทราบว่า ทางสมาคมฯ จะมีทริปไปด้วย เพราะเห็นตอนแรกบอกว่าจะไปจิ่วไจ้โก้ว เลยพลาดโอกาสไปครับ) ซึ่งการไปกับทัวร์ครั้งนี้ ผมก็ได้สัมผัสกับคำว่า " Shangri-la" ได้พอสมควร..
"Faith in Goddess Peak"
"Shangri-la" เป็นภาษาอังกฤษที่นักเขียนชาวอังกฤษ ชื่อ เจมส์ ฮิลตัน ผู้ประพันธ์เรื่อง " The Lost Horizon" เป็นผู้คิดขึ้น โดยสันนิษฐานว่าจะมาจากคำว่า " ซัมปาลา" ซึ่งเป็นชื่อเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งแถบธิเบต..
นับตั้งแต่ปี 1930 เป็นต้นมา คำว่า " Shangri-la" เป็นคำที่มีความหมายถึง ดินแดนในเทพนิยาย ที่มีทิวทัศน์สวยงาม ผู้คนมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุข และเรียบง่าย ซึ่งผู้คนจำนวนมากต่างไขว่ขว้าและค้นหา..
จนกระทั่งในปี 1970 เป็นต้นมา ทางการจีน และมณฑลยูนนานได้ทำการค้นคว้าในเรื่องของดินแดนในตำนานอย่างจริงจัง และจากการศึกษาอย่างรอบคอบนานกว่า 30 ปี ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สภาพความเป็นอยู่ของสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษา ในที่สุดจีนและมณฑลยูนนานก็ได้นำเสนอดินแดนบริเวณจังหวัดจงเตี้ยนและเต๋อชิง (Zhongdian & Diqing) ขึ้นเป็นดินแดน Shangri-la ในตำนาน ในปี 1997 ท่ามกลางสักขีพยานจากทั่วโลก..
ดินแดน Shangri-la แห่งนี้ ประกอบด้วยภูเขาใหญ่น้อยมากกว่า 470 ลูก ( นับเฉพาะที่มีความสูงเกิน 4,000 เมตร - ดอยอินทนนท์ ยอดเขาที่สูงที่สุดของไทยสูง 2,330 เมตร) และยอดเขาที่สูงที่สุดของ Shangri-la คือยอดเขาเหมยลี่ ( Meili Snow Mountain ) มีความสูงที่สุดถึง 6,740 เมตร และมีลักษณะยอดเป็นทรงปิระมิด เช่นเดียวกับที่บรรยายไว้ในเรื่อง "The Lost Horizon"
" The Lost Horizon"
และเนื่องจากภูเขาที่นี่มีเป็นจำนวนมาก (ประมาณกันว่าพื้นที่ 94% ของยูนนานเป็นภูเขา และมีพื้นที่ราบเพียง 6% เท่านั้น) และผมเองก็ได้บันทึกภาพของภูเขามาเป็นจำนวนมาก (แต่คัดได้เป็นจำนวนน้อย) เลยนำมาฝากกันครับ..
ทั้งนี้ แต่เนื่องจากช่วงที่ผมไป เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างหนาว ( 4-12 องศาเซลเซียส) อากาศบนเขาจะมีหมอกปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ภาพถ่ายที่ออกมาจะมีเมฆหมอกเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยเสมอ..
หลังจากได้ภาพเหล่านั้นมานั่งพิจารณาดูก็พบว่า ภาพของภูเขาเหล่านั้น ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป เลยเป็นที่มาของหัวข้อ " อารมณ์แห่งภูผา"
"อารมณ์แห่งภูผา"
ภาพนี้ ถ่ายจากโรงแรมที่ไปพัก โดยโรงแรมนี้จะตั้งอยู่บนเขาฝั่งตรงข้ามกับเทือกเขาหิมะเหมยลี่ และบังเอิญผมได้พักอยู่ชั้นสามด้วย..พอถ่ายภาพจากข้างล่างเสร็จ ก็เดินขึ้นห้อง ตั้งขาตั้งถ่ายกันต่อ..สนุกมากๆ เลยครับ..
1 | 2 | 3| 4 Next |