เรียกได้ว่าอากาศปีนี้ทำเอาสุขภาพของหลายๆ คนแปรปรวนไม่แพ้สภาพอากาศกันเลยทีเดียวนะคะ ซึ่งก็ไม่ทราบแน่ว่าหน้าหนาวปีนี้ ประเทศไทยเราจะหนาวมากน้อยขนาดไหน ซึ่งช่วงเวลา ก่อนที่จะค่อย ๆ ย่างกรายเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเต็มรูปแบบ สาวๆ หลายคนเริ่มมองหาครีมบำรุงผิวเพื่อมาดูแลผิวพรรณที่แห้งกร้าน เพราะลมหนาว แต่ทราบหรือไม่ว่า นอกเหนือจากอากาศแห้งแล้ว ลมหนาวยังหอบเอาโรคประจำฤดูกาล มาให้เป็นปัญหาสุขภาพอีกด้วย เพราะฉะนั้นนอกจากจะดูแลสุขภาพความงามของผิวพรรณแล้ว ก็ควรจะเจียดเวลามาดูแลสุขภาพของร่างกายกันด้วยนะคะ

จากข้อมูลของประกาศกรมควบคุมโรค เรื่องการป้องกันโรคที่เกิดในฤดูหนาว ระบุว่า อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันนั้น หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นได้ ซึ่งโรคที่เกิดในฤดูหนาวมักจะเกิดกับเด็กและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ปอดบวม หัดเยอรมัน สุกใส อุจจาระร่วง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ถึงแม้ว่าเป็นโรคที่คล้ายกับไม่รุนแรงมากนัก แต่ในการป่วยในแต่ละครั้งก็ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องขาดงาน ขาดเรียน และนอนซมอยู่หลายวันทีเดียวกว่าอาการจะทุเลาลง

สำหรับบางคน อาจจะไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะเปลี่ยนฤดูกาลทีไร ก็มักจะมีปัญหาสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ซึ่งพอมีน้ำมูก คัดจมูกขึ้นมา บางคนก็ไม่ค่อยอยากจะไปพบคุณหมอซักเท่าไหร่ แต่จะไม่รักษาก็ไม่ได้ ดังนั้น บางคนจึงอยากจะเลือกใช้บริการของ ยาสมุนไพรซึ่งเป็นภูมิปัญญาแท้ๆ ของไทยเราเข้ามาช่วยรักษาอาการไม่สบายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ค่ะ

ไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัส เด็กเล็กและผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะเป็นง่ายกว่าคนทั่วไป เพราะสามารถติดต่อได้ง่ายด้วยการหายใจ
และการสัมผัส แพร่กระจายในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และอากาศไม่ถ่ายเท นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคปอดบวมซึ่งนับเป็นโรคแทรกซ้อนของไข้หวัด หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อโดยตรง ติดต่อได้จากการหายใจ และน้ำมูกน้ำลาย สามารถติดต่อได้จากการใช้ของร่วมกัน

cr. dreamstime

ยาสมุนไพรคืออะไร?

ยาสมุนไพร เป็นเทรนด์การรักษาสุขภาพอีกแนวทางหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติเหมือนๆ กับยารักษาโรคทั่วไป และมาจากแหล่งธรรมชาติ จึงทำให้หลายๆ คนมองข้าม อย่างไรก็ดี การเลือกใช้ยาสมุนไพร ก็มีข้อที่ควรระวังอยู่เช่นกัน เพราะการใช้ยาสมุนไพรแม้ว่าจะมีคุณและแต่หากใช้ผิดพลาด ก็อาจจะเกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้น การเลือกใช้ยาสมุนไพรให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น จึงควรใช้ให้ถูกกับโรค ใช้ในปริมาณตามที่กำหนด ใช้ให้ถูกวิธีในการรักษาโรคนั้นๆ และถ้าเกิดอาการแพ้ยาสมุนไพรก็ควรหยุดใช้ยานั้นทันที และควรปรึกษาแพทย์

หลายคนอาจจะคิดว่ายาสมุนไพรนั้นต้องเข้าป่าลึกไปสำรวจเก็บหาเอา แต่แท้ที่จริงแล้วเราสามารถพบเห็นยาสมุนไพรได้หลากหลายชนิดอย่างง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเรานี่เอง บางชนิดก็ใช้ในการประกอบอาหารเช่น มะกรูด กระเทียม กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ กระเพรา เป็นต้น ใช้สมุนไพรต้องมีการเรียนรู้ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ถ้าไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะใช้ยาสมุนไพรได้อย่างปลอดภัย

แย่แน่ๆ ถ้าแพ้ยาสมุนไพร

สังเกตอาการต่อไปนี้ได้ง่าย ถ้าเกิดการแพ้ยาสมุนไพร เช่น ผื่นขึ้นตามผิวหนัง คล้ายลมพิษ มีอาการบวมที่ตา หรือริมฝีปาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ ตามัว ชาที่ลิ้น ชาที่ผิวหนัง ประสาทความรู้สึกทำงานไวเกินปกติ เช่น เพียงแตะผิวหนังก็รู้สึกเจ็บ ลูบผมก็แสบหนังศีรษะ ใจสั่น ใจเต้น หรือรู้สึกวูบวาบคล้ายหัวใจจะหยุดเต้น ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเหลือง เป็นต้น อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณอันตรายค่ะต้องรีบไปหาแพทย์

cr. thaiherbwebsite.blogspot 

หวัดเหรอ? ต้องเจอสมุนไพร!

ขิง

เมนูคู่ครัวไทยมาอย่างช้านาน แต่มากกว่าการให้ความอร่อยแล้ว ขิงยังสามารถนำมาบรรเทาไข้หวัดได้อีกด้วย เนื่องจากมีสรรพคุณเผ็ดร้อน และกลิ่นหอมฉุนของขิง ก็สามารถช่วยในบรรเทาอาการคัดจมูกได้เช่นกัน

1. นำเหง้ามาฝนผสมกับน้ำมะนาว หรือเพียงตำขิงผสมกับน้ำต้มสุกแล้วคั้นเอาน้ำใส่เกลือเล็กน้อย นำมาจิบบ่อยๆ หรือกวาดคอลดอาการไอมีเสมหะลงได้

2. ปอกเปลือกล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นใส่หม้อต้ม แล้วกรองเอาขิงออก ค่อยๆ จิบน้ำช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการเจ็บคอ หายใจโล่งขึ้น และนอนหลับสบาย

มะนาว

อยู่คู่ครัวไทยของเรามานานสำหรับเครื่องปรุงเมนูแซบๆ แต่ใครจะรู้ว่ามะนาวผลเล็กๆ เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดที่เราคุ้นเคย จะมีสรรพคุณแก้หวัดได้เป็นอย่างดี

1. ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นพอให้ละลายแล้วบีบมะนาวลงไป ใส่เกลือ จิบบ่อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการไอ และขับเสมหะ

2. คลึงมะนาวให้มีน้ำมันออกที่ผิว แล้วฝานเปลือกครึ่งผล ชงกับน้ำร้อนดื่ม ช่วยขับลม แน่นจุกเสียด รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ

cr. pinterest

cr. pinterest

มะขามป้อม

ถึงแม้ว่ามะขามป้อมมีรสชาติถึง 5 รสด้วยกันคือ เปรี้ยว หวาน เผ็ดร้อน ขม ฝาด แต่มะขามป้อมก็อุดมไปด้วยวิตามินซีในปริมาณที่สูง มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ สามารถบรรเทาอาการหวัด แก้ไอ แก้คอแห้ง ชุ่มคอ และช่วยขับเสมหะ สามารถรับประทานได้ทั้งผลแห้งและผลสด

1. รับประทานลูกสดทั้งลูกวันละ 1-2 ลูก จะมีรสเปรี้ยวและฝาดขม สักครู่จะเปลี่ยนเป็นรสชาติหวานชุ่มคอ ช่วยเพิ่มวิตามินซีให้กับร่างกาย และต้านโรคหวัดได้เป็นอย่างดี

2. นำลูกมะขามป้อมแห้ง แช่น้ำไว้ 1 คืน สัดส่วน น้ำ 1 แก้ว / มะขามป้อมแห้ง 1-2 ลูก รุ่งเช้ารับประทานทั้งน้ำทั้งเนื้อตอนท้องว่างจะแก้หวัดได้ หรือต้มกินก็จะทำให้ไข้ลดได้เช่นกัน

หัวหอมหรือต้นหอม

หัวหอมหรือต้นหอมมีจุดเด่นคือกลิ่นที่หอมฉุน ดังนั้นเราจึงสามารถนำหัวหอมมาใช้ช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกได้เป็นอย่างดี

1. นำหัวหอมหรือต้นหอมมาบุบพอละเอียดใส่ในเหล้าขาว แล้วสูดดมจะช่วยให้จมูกโล่ง

2. นำหัวหอมหรือต้นหอมมาบุบพอละเอียดใส่ในน้ำต้มเดือด แล้วยกมาอังกับผ้าขนหนูชุบน้ำ จากนั้น นำผ้าขนหนูไปวางไว้บนศีรษะ ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก

cr. isarescheewin

cr. pro-bien-etre

เพกา

มีสรรพคุณทางยาคล้ายกับกระเทียม มีรสขมร้อน ช่วยลด
คอเลสเตอรอล ให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น แก้ไข้ และช่วยขับเสมหะ

นำเมล็ดเพกาประมาณ 1 กำมือ หนักประมาณ 3 กรัม ใส่น้ำประมาณ 300 มิลลิลิตร ต้มไฟอ่อนๆ พอเดือด เคี่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง ดื่มวันละ 3 ครั้ง

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นต้อยติ่งและทองพันชั่ง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณลดอาการเจ็บคอที่เรารู้จักกันดี อีกทั้งยังแก้ท้องเสีย มีรสฝาดขม ระงับอาการอักเสบ ไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ

1. การรับประทานฟ้าทลายโจรเพื่อรักษาโรคไข้หวัดควรรับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้มีผลข้างเคียง คือ มือเท้าชา อ่อนแรงบ้าง เพราะฟ้าทลายโจรมีฤทธิ์เย็น จะทำให้มีผลต่อระบบประสาทได้

2. ใช้ใบและกิ่ง 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม) ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ ช่วยแก้ตัวร้อน แก้ไข้

มะแว้งต้นและมะแว้งเครือ

รสขมเป็นยากันเสมหะช่วยขับเสมหะ ส่วนที่นำมาใช้คือผล สามารถแก้ไอ ลดเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ

นำผลแก่สดที่สุกแล้ว 5-10 ผล ตำให้พอแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำใส่เกลือใช้จิบบ่อยๆ

*เอื้อเฟื้อข้อมูล
1. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
http://www.fda.moph.go.th/fda-net/html/product/drug/olddrug.htm

2. วิชาการดอทคอม