|
ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน เปิดรับสื่อใดๆเรามักจะได้ยิน ได้ฟังแต่คำว่า “Asian” หรือไม่ก็ “AEC” จนเริ่มที่จะอยากรู้ว่า กระแสของ Asian และ AEC นั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใด มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน เดิมทีเข้าใจว่าคงจะเป็นเรื่อง ของภาครัฐในแถบภูมิภาคเอเชียที่ร่วมมือกันระหว่างประเทศ ปรึกษาหารือกันในเรื่องระบบเศรษฐกิจก็เท่านั้น ไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับเราโดยตรง แต่พอนานเข้า ได้ยินได้ฟังบ่อยขึ้นจนเริ่มรู้สึกว่านี่คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็กระไรอยู่ โดยเฉพาะคำกล่าว ประโยคสั้นๆของ CEO ชื่อดังคนหนึ่งที่กล่าวผ่านสื่อโฆษณา โทรทัศน์ที่ว่า “ประชาคมอาเซียน คือเรื่องของพวกเราทุกคน” ยิ่งตอกย้ำให้เกิดความสนใจในเรื่องนี้ เอาเป็นว่าเราลองหัน มาทำความรู้จักกับเรื่องดังกล่าวไปพร้อมๆกันเพื่อจะได้ก้าวทัน
ยุคสมัยที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
Asean Economics Community หรือ AEC เป็นการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ อันได้แก่ ประเทศไทย , พม่า , ลาว , เวียดนาม , มาเลเซีย , สิงคโปร์ , อินโดนีเซีย , ฟิลิปปินส์ , กัมพูชา และบรูไน
|
|
AEC
พัฒนามาจากการเป็นสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ (The Association of South East Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อ 8 สิงหาคม 2510 โดยมีประเทศผู้ก่อตั้งแรกเริ่ม 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมาในปี 2527 ประเทศบรูไนก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก และในปี 2538 ประเทศเวียดนามเข้าร่วมสมาชิก ปี 2540 ลาวและพม่า เข้าร่วม ปี 2542 กัมพูชาเข้าร่วม จนได้สมาชิก10 ประเทศดังกล่าว ทำให้อาเซียนเป็นกลุ่มเศรษฐกิจ ภูมิภาคขนาดใหญ่ มีประชากร รวมกันเกือบ 500 ล้านคน จากนั้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 9 ที่อินโดนีเซีย เมื่อ 7 ต.ค. 2546 ผู้นำประเทศสมาชิก อาเซียนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งประกอบไปด้วย 3 เสาหลักได้แก่ 1.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community:AEC) 2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Socio-Cultural Pillar) 3.ประชาคมความมั่นคงอาเซียน (Political and Security Pillar)
|
|
|
หลักการในการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 คือ
1.ให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างเสรี 2.การเคลื่อนย้ายบริการทำได้อย่างเสรี 3.เคลื่อนย้ายการลงทุนได้อย่างเสรี 4.เคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือได้อย่างเสรี
จากเดิมที่กำหนดเป้าหมายจัดตั้งในปี 2563 แต่ได้มีการตกลงที่จะเลื่อนกำหนดให้เร็วขึ้นอีกเป็น ปี 2558 และจะเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการ วันที่ 1 มกราคม 2558 นับเริ่มจากวันนั้นแล้ว ต่อไปภูมิภาคแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นในวันนั้น คงจะมีหลายสิ่งเกิดขึ้นอย่างมากมายโดยที่เราเอง อาจจะนึกไม่ถึงกันเลยทีเดียว การรวมตัวของ 10 ประเทศดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ ทางด้านเศรษฐกิจ ให้เกิดผลประโยชน์รวมถึงอำนาจ ต่อรองต่างๆกับคู่ค้าได้มากขึ้นและการนำเข้าหรือส่ง ออกสินค้าของชาติในอาเซียนก็จะเป็นไปอย่างเสรี ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่แต่ละประเทศอาจจะมีการ ขอร้องเอาไว้เป็นกรณีพิเศษโดยการไม่ลดภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นสินค้าอ่อนไหว โดยแบ่งให้แต่ละประเทศใน AEC มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปคือ
|
|
ไทย : สาขาการท่องเที่ยว และสาขาการบิน (ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง ASEAN) พม่า : สาขาเกษตรและประมง มาเลเซีย : สาขาผลิตภัณฑ์ยาง และสาขาสิ่งทอ อินโดนีเซีย : สาขาภาพยนต์และสาขาผลิตภัณฑ์ไม้ ฟิลิปปินส์ : สาขาอิเล็กทรอนิกส์ สิงคโปร์ : สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาสุขภาพ
อาเซียนได้จัดทำพิมพ์เขียวเพื่อจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (AEC Blueprint) ซึ่งเป็นแผนบูรณาการงานด้าน เศรษฐกิจให้เห็นภาพรวมในการมุ่งไปสู่แผนงานเศรษฐกิจ ในด้านต่าง ๆ พร้อมกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการดำเนิน มาตรการจนบรรลุเป้าหมายในปี 2558 รวมทั้งให้ความยืดหยุ่นตามที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกัน ล่วงหน้าเพื่อสร้างพันธสัญญาระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียน
|
|
|
สิ่งดีๆที่จะเกิดแก่ประเทศไทยในอนาคตข้างหน้าเมื่อเปิด ประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 เมื่อเปิดให้มี การลงทุนได้อย่างเสรี จะมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มมากขึ้น ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีๆจะเริ่มมาเปิดสถานศึกษา ในบ้านเมืองเรา และด้วยเหตนี้เองที่อาจจะทำให้โรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายต่อ เทอมสูงแต่คุณภาพไม่ดี อาจต้องตกอยู่ในภาวะลำบาก ข้อที่เราจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้คือประเทศไทยจะเป็นศูนย์ กลางแห่งการท่องเที่ยวเพราะได้เปรียบในเรื่องการคมนาคม และจะเป็นศูนย์กลางทางการบิน เพราะไทยเป็นประเทศ ที่อยู่ระหว่างกึ่งกลางของ Asean ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ มีการจัดงานประชุมต่างๆ การจัดแสดงนิทรรศการ เป็นศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงการบริการด้านการแพทย์และสุขภาพที่จะเติบโตเป็น อย่างมากเนื่องจากค่าบริการทางการแพทย์ในต่างประเทศ นั้นจะมีราคาค่อนข้างสูง การค้าขายจะมีการขยายตัว การใช้ภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะมีคนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาอยู่ในประเทศ ไทย และหลากหลายประเทศที่เข้ามาส่วนใหญ่จะไม่สามารถ สื่อสารกันได้ด้วยภาษาไทย จึงต้องใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษากลาง การค้าขายบริเวณชายแดนจะคึกคัก เนื่องจากด่านศุลกากรมีบทบาทน้อยลง อุตสาหกรรมโรงแรม การท่องเที่ยว ร้านอาหาร รถเช่าจะได้ประโยชน์ เนื่องจากมีการสัญจรมากขึ้น เมืองแถบชายแดนจะพัฒนา ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นจุดขนส่ง การขนส่ง logistic ใน AEC จะพัฒนาไปอีกมาก และจากการที่ไทยเราอยู่ตรงกลาง ทำให้เราสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นเพราะเราจะส่งของไป ท่าเรือได้หลายฝั่ง ที่ดินในบริเวณดังกล่าวของประเทศไทย ก็จะมีราคาที่สูงขึ้น
|
|
เรื่องน่าเป็นห่วงและไม่ควรมองข้ามเมื่อเปิดประตูสู่ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ถึงแม้ เมืองไทยจะไม่ขาดแรงงานอีกต่อไปเพราะมีการเคลื่อนย้าย แรงงานเข้ามาในประเทศกันอย่างเสรี แต่อีกแง่มุม ที่น่าเป็นห่วงนั่นก็คือ จะมีแรงงานชาวพม่า, แรงงานลาว, แรงงานกัมพูชา , แรงงานเวียดนาม ที่ต่างพากันเข้ามา ทำงานในไทยกันอย่างมากมาย และคนเหล่านี้เองที่จะมา แย่งงานของคนไทยบางส่วน ทำให้แรงงานไทยต้องตก อยู่ในภาวะวิกฤติ ซ้ำร้ายปัญหาสังคมที่จะตามมา มีการก่ออาชญากรรมจากแรงงานของประเทศสมาชิก รวมทั้งการทะเลาะเบาะแว้งกันในหมู่ของแรงงานซึ่งปะปน อยู่รวมกัน ในเมืองและชุมชนต่างๆจะคับแคบแออัด บนท้องถนนจะมีรถยนต์มากขึ้น การจราจรในกรุงเทพฯ จะติดขัดมากกว่าเดิมหลายเท่า สนามบินสุวรรณภูมิจะแออัด คับแคบและดูวุ่นวาย
ด้านสาธารณูปโภคต้องเตรียมการให้พร้อมและบริหารจัดการ อย่างรอบคอบ ขยะจำนวนมากที่ต้องกำจัด จะมีแรงงาน ของสมาชิกบางส่วนที่ทำผิดกฎหมายเนื่องจากไม่รู้กฎหมาย ไทยคนไทยที่มีความสามารถและมีทักษะในการทำงานสูง บางส่วนจะไหลออกไปทำงานยังต่างประเทศเนื่องจากมีทาง เลือกมากขึ้น
|
|
|
อุตสาหกรรมที่ได้เปรียบและเสียเปรีบเมื่อเปิด AEC (ที่มาของข้อมูล นสพ.ข่าวสด) ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำนักงานเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม(สศอ.) คุณอิทธิชัย ยศศรี เปิดเผยว่า สศอ.ได้ศึกษา ความได้เปรียบทางการค้าสินค้าอุตสาหกรรมของไทยภายหลังการ เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 เทียบกับสินค้า อุตสาหกรรมอาเซียนกับ 4 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
ประเทศไทยมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่จัดให้อยู่ในประเภทอาการป่วยซึ่ง ต้องได้รับการรักษา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่
กลุ่มที่ 1 อาการที่พบความผิดปกติ จัดอยู่ในเกณฑ์ที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันลดลงกับประเทศ ในอาเซียนซึ่งประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อินทรีย์ ผลิตภัณฑ์จากยางพารา กระดาษและกระดาษแข็ง ผลิตภัณฑ์เซรามิก เครื่องจักร เครื่องกล ลอยเลอร์ อากาศยาน ยานอวกาศ อาวุธและกระสุน เป็นต้น
กลุ่มที่ 2 อาการกำเริบ มีความสูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขันคือกลุ่มอุตสาหกรรม เหล็กและเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ หนังเฟอร์/เฟอร์เทียม เยื่อไม้หรือเยื่อที่ได้จากเส้นใยเซลลูโลสอื่นๆ ขนแกะ ผ้าทอ เส้นใยสิ่งทอจากพืช ด้ายกระดาษ ร่ม ร่มปักกันแดด เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 อาการป่วยขนาดหนัก หรือจัดอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสียเปรียบมากขึ้นคือกลุ่มอุตสาหกรรม เชื้อเพลิงจากแร่/น้ำมันแร่ ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม ปุ๋ย เครื่องหนัง เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด ไข่มุกธรรมชาติ/รัตนชาติ ทองแดงและของทำ ด้วยทองแดง นิกเกิลและของที่ทาด้วยนิกเกิล รองเท้า สนับแข้ง และของที่คล้ายกัน เครื่องดนตรี เป็นต้น
|
|
อุตสาหกรรมไทยที่มีความได้เปรียบคือ ยานยนต์ และส่วนประกอบ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก หนังดิบและหนังฟอก เรือและสิ่งก่อสร้างลอยน้ำ แก้วและเครื่องแก้ว ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเหล็ก และเหล็กกล้า พรมและสิ่งทอปูพื้นต่างๆ เส้นใยสั้นประดิษฐ์ ฝ้าย เป็นต้น อุตสาหกรรมซึ่งเมื่อเข้าสู่AEC แล้วจะได้เปรียบมีอยู่ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ เสื้อผ้าและของใช้แล้วที่ทำด้วยสิ่งทอ สังกะสีและ ของที่ทำจากสังกะสี หัวรถจักรของรถไฟหรือรถราง ส่วนอุตสาหกรรมที่จะมีความเสียเปรียบลดลงมี 16 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น หนังสือ/อุตสาหกรรมการพิมพ์ เครื่อง จักรไฟฟ้า/อุปกรณ์ไฟฟ้า ไม้ก๊อกและของทำ ด้วยไม้ก๊อก ตะกั่วและของที่ทาด้วยตะกั่ว โลหะสามัญ สินแร่ ไหม ของเล่นและอุปกรณ์การกีฬา ศิลปกรรม ผลิตภัณฑ์เบ็ดเตล็ด เป็นต้น (ที่มาของข้อมูล นสพ.ข่าวสด)
|
|
|
จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน
1.ประเทศสิงคโปร์ ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาคือจีนกลาง ส่งเสริมให้พูดได้ 2 ภาษาคือ จีนกลาง และให้ใช้อังกฤษ เพื่อติดต่องานและชีวิตประจำวัน ประชากร : ประกอบด้วยชาวจีน 76.5%, มาเลย์ 13.8%, อินเดีย 8.1% นับถือศาสนา : พุทธ 42.5%, อิสลาม 14.9%, คริสต์ 14.5%, ฮินดู 4%, ไม่นับถือศาสนา 25% ระบบการปกครอง : สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว) โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข และนายกรัฐมนตรีเป็น หัวหน้าฝ่ายบริหาร
ข้อควรรู้
- หน่วยราชการเปิดทำการวันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 น. -13.00 น. และ 14.00 น. – 16.30 น. และวันเสาร์ เปิดทำการ ระหว่างเวลา 08.00 น. – 13.00 น. -การหลบหนีเข้าสิงคโปร์และประกอบอาชีพขายบริการผิดกฎหมาย จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง -การลักลอบนำยาเสพติด อาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ จะได้รับโทษอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต
จุดแข็ง รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงสุดของอาเซียนและติดอันดับ 15 ของโลก การเมืองมีเสถียรภาพ เป็นศูนย์กลางทางการเงิน ระหว่างประเทศ แรงงานมีทักษะสูง ชำนาญด้านการจัดการ ทรัพยากรบุคคลและธุรกิจ มีที่ตั้งเอื้ออำนวยต่อการเป็นศูนย์กลาง เดินเรือ
จุดอ่อน พึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและขาดแคลนแรงงานระดับล่าง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างสูงประเด็นที่น่าสนใจของประเทศ สิงคโปร์คือ พยายามขยายโครงสร้างเศรษฐกิจมายังภาคบริการมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกสินค้า
|
|
2.ประเทศอินโดนีเซีย ภาษา : ภาษาอินโดนีเซีย เป็นภาษาราชการ ประชากร : ประกอบด้วย ชนพื้นเมืองหลายกลุ่ม มีภาษามากกว่า 583 ภาษา ร้อยละ 61 อาศัยอยู่บนเกาะชวา นับถือศาสนา : อิสลาม 87%, คริสต์ 10% ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยที่มีประธานาธิปดีเป็นประมุข และหัวหน้าฝ่ายบริหาร
ข้อควรรู้ - ไม่ควรใช้มือซ้ายในการรับ-ส่งของ หรือรับประทานอาหารคนมุสลิมอินโดนีเซียถือว่ามือซ้ายไม่สุภาพ - ไม่จับศีรษะคนอินโดนีเซียรวมทั้งการลูบศีรษะเด็ก - การครอบครองยาเสพติด อาวุธ หนังสือรูปภาพอนาจาร มีบทลงโทษหนัก อาทิ การนำเข้าและครอบครองยาเสพติดมีโทษ ถึงประหารชีวิต - บทลงโทษรุนแรงเกี่ยวกับการค้าและส่งออกพืชและสัตว์กว่า 200 ชนิด จึงควรตรวจสอบก่อนซื้อหรือนำพืชและสัตว์ออกนอกประเทศ
จุดแข็ง ขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดขนาดใหญ่ประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลกและมากที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย จำนวนมาก โดยเฉพาะถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะต่างๆ ระบบธนาคารค่อนข้างแข็งแกร่ง
จุดอ่อน ที่ตั้งเป็นเกาะและกระจายตัวสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนา เท่าที่ควรโดยเฉพาะการคมนาคมและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ประเด็นที่น่าสนใจของประเทศอินโดนีเซียคือการลงทุนส่วนใหญ่ เน้นใช้ทรัพยากรในประเทศเป็นหลัก
|
|
|
3.ประเทศมาเลเซีย ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดีย 10%, ชนพื้นเมืองเกาะบอร์เนียว 10% นับถือศาสนา : อิสลาม 60%, พุทธ 19%, คริสต์ 11% ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
ข้อควรรู้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะได้รับสิทธิพิเศษ คือ เงินอุดหนุน ทางด้านการศึกษา สาธารณสุข การคลอดบุตร งานแต่งงาน และงานศพ -มาเลเซียมีปัญหาประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ชาติพันธ์ในมาเลเซียประกอบด้วยชาวมาเลย์ กว่าร้อยละ 40 ที่เหลืออีกกว่าร้อยละ 33 เป็นชาวจีนร้อยละ10 เป็นชาวอินเดีย และ อีกร้อยละ 10 เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะบอร์เนียว
จุดแข็ง รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 และก๊าซธรรมชาติ มากเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ครบวงจร แรงงานมีทักษะ
จุดอ่อน จำนวนประชากรค่อนข้างน้อย ทำให้ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะระดับล่างประเด็นที่น่าสนใจของประเทศมาเลเซียคือ ตั้งเป้าหมายเป็น “ประเทศพัฒนาแล้ว” ในปี 2563 มีฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำคัญที่คล้ายคลึงกับไทย มีนโยบายพัฒนาการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างจริงจัง
4.ประเทศบรูไน ภาษา : ภาษามาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษและจีน นับถือศาสนา : อิสลาม 67%, พุทธ 13%, คริสต์ 10% ระบบการปกครอง : ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ข้อควรรู้ - ประชาชนของประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถทำวีซ่าที่ ตม.ที่ประเทศบรูไนฯ มีระยะเวลาอยู่ในบรูไนฯได้ 2 สัปดาห์ -ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีเหลืองเพราะถือเป็นสีของพระมหากษัตริย์ - การทักทายจะจับมือกันเบาๆ และสตรีจะไม่ยื่นมือให้บุรุษจับ - การใช้นิ้วชี้ไปที่คนหรือสิ่งของถือว่าไม่สุภาพ แต่จะใช้หัวแม่มือ ชี้แทน -จะไม่ใช้มือซ้ายในการส่งของให้ผู้อื่น -สตรีเวลานั่งจะไม่ให้เท้าชี้ไปทางผู้ชายและไม่ส่งเสียงหรือ หัวเราะดัง
จุดแข็ง รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ในอันดับ 2 ของอาเซียนและอันดับ 26 ของโลก การเมืองค่อนข้างมั่นคง เป็นผู้ส่งออกน้ำมัน และมีปริมาณสำรองน้ำมันอันดับ 4 ของอาเซียน
จุดอ่อน ตลาดขนาดเล็ก มีประชากรประมาณ 4 แสนคน ขาดแคลนแรงงานประเด็นที่น่าสนใจของประเทศบรูไนคือ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศพึ่งพาสิงคโปร์ เป็นหลัก ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารค่อนข้างมาก
5.ประเทศฟิลิปปินส์ ภาษา : ภาษาฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็น สเปน, จีนฮกเกี้ยน, จีนแต้จิ๋ว ฟิลิปปินส์ มีภาษาประจำชาติคือ ภาษาตากาล็อก ประชากร : ประกอบด้วย มาเลย์ 40%, จีน33%, อินเดีย 10%, ชนพื้นเมืองเกาะบอร์เนียว 10% นับถือศาสนา : คริสต์โรมันคาทอลิก 83% คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์, อิสลาม 5% ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบประธานาธิปดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่าย บริหาร
ข้อควรรู้ -การเข้าไปประกอบธุรกิจในฟิลิปปินส์ในลักษณะต่างๆ เช่น การลงทุนร่วมกับฝ่ายฟิลิปปินส์จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูล ให้ละเอียด โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย การจดทะเบียนภาษี และปัญหาทางด้านแรงงาน เป็นต้น
จุดแข็ง ประชากรจำนวนมากอันดับ 12 ของโลกคือจำนวน 100 ล้านคน แรงงานทั่วไปมีความรู้สื่อสารภาษาอังกฤษได้
จุดอ่อน ที่ตั้งห่างไกลจากประเทศสมาชิกอาเซียนระบบโครงสร้าง พื้นฐาน และสวัสดิภาพทางสังคมยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ประเด็นที่น่าสนใจของประเทศฟิลิปปินส์คือ สหภาพแรงงานมีบทบาทค่อนข้างมากและมีการเรียกร้อง เพิ่มค่าแรงอยู่เสมอ การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการรองรับ ความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก
|
|
6.ประเทศเวียดนาม ภาษา : ภาษาเวียดนาม เป็นภาษาราชการ ประชากร : ประกอบด้วยชาวเวียด 80%, เขมร 10% นับถือศาสนา : พุทธนิกายมหายาน 70%, คริสต์ 15% ระบบการปกครอง : ระบบสังคมนิยม โดยพรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรคการเมืองเดียว
ข้อควรรู้ - หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข เปิดทำการระหว่างเวลา 08.00 น. – 16.30 น. ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ - เวียดนามไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพอาคารที่ทำการต่างๆ ของรัฐ - หากนำเงินตราต่างประเทศติดตัวเข้ามามากกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต้องแจ้งให้ศุลกากรเวียดนามทราบการนำเงินตราออกประเทศมาก กว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งชาติ หรือธนาคารกลางในท้องถิ่นก่อน มิเช่นนั้นจะถูกยึดเงิน -บทลงโทษของเวียดนามในคดียาเสพติดการฉ้อโกงหน่วยงานของ รัฐมีโทษประหารชีวิต
จุดแข็ง ประชากรจำนวนมากอันดับ 14 ของโลกคือจำนวน 90 ล้านคน มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก มีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,200 กิโลเมตร การเมืองมีเสถียรภาพ ค่าจ้างแรงงานเกือบต่ำสุดในอาเซียนรองจากกัมพูชา
จุดอ่อน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ต้นทุนที่ดินและค่าเช่าสำนักงานค่อนข้างสูงประเด็นที่น่าสนใจ ของประเทศเวียดนามคือมีรายได้และความต้องการสูงขึ้นจาก เศรษฐกิจที่โตเร็ว
7.ประเทศกัมพูชา ภาษาที่ใช้ : ภาษาเขมร เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เวียดนามและจีน ประชากร : ประกอบด้วย ชาวเขมร 94%, จีน 4%,อื่นๆ 2% นับถือศาสนา : พุทธ(เถรวาท) เป็นหลัก ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ
ข้อควรรู้ - เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ โดยกรอกแบบฟอร์ม Visa on Arrival พร้อมยื่นรูปถ่ายและค่าธรรมเนียม 20 ดอลลาร์ สหรัฐ - ผู้ที่เดินทางเข้ากัมพูชา และประสงค์จะอยู่ทำธุรกิจเป็นระยะ เวลาเกิน 3 เดือน ควรฉีดยาป้องกันโรคไทฟอยด์และไวรัสเอและบี
จุดแข็ง มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและอุดมสมบูรณ์โดย เฉพาะน้ำ ป่าไม้ แร่ชนิดต่างๆค่าจ้างแรงงานต่ำสุดในอาเซียน (1.6 USD/day)
จุดอ่อน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ต้นทุนสาธารณูปโภคอย่างน้ำ ไฟฟ้า และการสื่อสารค่อนข้างสูง ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะประเด็นที่น่าสนใจของประเทศกัมพูชา คือประเด็นขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาอาจบั่นทอนโอกาสการ ขยายการค้า-การลงทุนระหว่างกันในอนาคต
8.ประเทศลาว ภาษา : ภาษาลาว เป็นภาษาราชการ ประชากร : ประกอบด้วย ชาวลาวลุ่ม 68%, ลาวเทิง 22%, ลาวสูง 9% รวมประมาณ 68 ชนเผ่า นับถือศาสนา : 75% นับถือพุทธ, นับถือผี 16% ระบบการปกครอง : สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คำว่า ระบบประชาธิปไตยประชาชน)
ข้อควรรู้ -ลาว มีตัวอักษรคล้ายของไทยทำให้คนไทยอ่านหนังสือลาว ได้ไม่ยากนัก ส่วนคนลาวอ่านหนังสือไทยได้คล่องมาก -ลาวขับรถทางขวา
จุดแข็ง มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะน้ำและแร่ชนิดต่างๆการเมืองมีเสถียรภาพ ค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ (2.06 USD/day)
จุดอ่อน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงและภูเขา การคมนาคมไม่สะดวก ไม่มีทางออกสู่ทะเลประเด็นที่น่าสนใจของประเทศลาวคือ การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานน้ำ และเหมืองแร่
|
|
|
9.ประเทศพม่า ภาษา : ภาษาพม่า เป็นภาษาราชการ ประชากร : ประกอบด้วยเผ่าพันธุ์ 135 มี 8 เชื้อชาติหลักๆ 8 กลุ่ม คือ พม่า 68%, ไทยใหญ่ 8%, กระเหรี่ยง 7%, ยะไข่ 4% จีน 3% มอญ 2% อินเดีย 2% นับถือศาสนา : นับถือพุทธ 90%, คริสต์ 5% อิสลาม 3.8% ระบบการปกครอง : เผด็จการทางทหารปกครองโดย รัฐบาลทหารภายใต้สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ
ข้อควรรู้ - (ยังไม่มีบันทึกข้อมูลในส่วนนี้)
จุดแข็ง มีทรัพยากรธรรมชาติน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จำนวนมาก มีพรมแดนเชื่อมโยงจีนและอินเดีย ค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ (2.5 USD/day)
จุดอ่อน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ ควร ความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายประเด็น ที่น่าสนใจของประเทศพม่าคือการพัฒนาโครงข่าย คมนาคมในประเทศเชิงรุกทั้งทางถนนรถไฟความเร็วสูง และท่าเรือ
10.ประเทศไทย
จุดแข็ง เป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้า เกษตรหลายรายการรายใหญ่ของโลกที่ตั้งเอื้อต่อการ เป็นศูนย์กลางโครงข่ายเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ สาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วถึงระบบธนาคารค่อนข้าง เข้มแข็ง แรงงานจำนวนมาก
จุดอ่อน แรงงานส่วนใหญ่ยังขาดทักษะ เทคโนโลยี การผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นขั้นกลางประเด็นที่น่าสนใจ ของประเทศไทยคือตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอาเซียน ในหลายด้าน อาทิ ศูนย์กลางโลจิสติกส์และศูนย์กลาง การท่องเที่ยวดำเนินงานตามแผนปรับตัวสู่ AEC ปี 2553-2554 ได้ 64สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของอาเซียน ที่ 53% สะท้อนการเตรียมความพร้อมอย่างจริงจัง
ได้ทำความรู้จัก Asian และ AEC ทำให้ต้องอ้าปากค้างผิดคาดที่มันช่างเป็นเรื่องใกล้ ตัวเสียจริงๆนี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้วเวลาผ่านไปอย่าง รวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็เริ่มประชิด ตัวมากขึ้น สำคัญที่เราจะปรับตัวและรับมือกับสิ่งที่ จะเกิดขึ้นอย่างไร
|
|
พูดคุยสนทนากับเพื่อนใหม่ด้วยภาษาอังกฤษจนน้ำลายแตก ฟอง ไม่แน่ว่า ต่อไปแม้แต่พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ก็อาจต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคของ Asian และ AEC ด้วยการหัดพูดและฟังภาษาอังกฤษเพื่อจะได้ขายของให้ลูกค้า ที่ไม่ได้มีแค่คนไทย ป้ายประกาศ สิ่งพิมพ์ สื่อต่างๆ ที่จะต้อง มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษร่วมด้วยต่อไปจะมีโรงเรียนสอน ภาษาเต็มไปหมดและหลากหลายหลักสูตร เรื่อง AECจึงถือเป็น เรื่องใหญ่ ที่ภาคธุรกิจและประชาชนคนไทยทุกคนต้องปรับตัว และเตรียมพร้อม ต่อไปไม่แน่อาจจะมีการสร้างชุมชนขึ้นใหม่ คล้ายๆเยาวราชที่เต็มไปด้วยคนไทยเชื้อสายจีน แต่ชุมชนที่ เกิดขึ้นใหม่นี้จะเป็นชุมชนเฉพาะกลุ่มเชื้อชาติอย่าง กัมพูชาทาวน์, ลาวทาวน์ , พม่าทาวน์, เวียดนามทาวน์ และไม่นานคนไทยคงได้ลิ้มรสอาหารนานาชาติโดยฝีมือเจ้า ของตำรับตัวจริง คนไทยบางคนอาจได้เพื่อนเกลอต่างชาติ มาเป็นซี้ หรือไม่ก็เกิดตำนานรักคู่กรรมภาคพิสดารข้ามแดน มาเป็นเนื้อคู่ ตกร่องปล่องชิ้นแต่งงานกันไปเลยก็เป็นได้
อย่างไรก็ดีผลที่ออกมาในด้านบวกซึ่งเกิดจากการรวมตัวของ สมาชิกทั้ง 1ประเทศที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อจะนำพาความ เจริญก้าวหน้ามาสู่ภูมิภาค เป็นการยกระดับและพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของประเทศสมาชิกให้แข็งแกร่ง
เราเองเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสมาชิกจึงไม่ควรมองข้าม ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อจะก้าวไปสู่อนาคตด้วยกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ที่มาของข้อมูล... http://www.thai-aec.com
|
|