I love u, หว่ออ้ายหนี่, Ichlieberdich, Je taime ก็จะให้พูดยังไง ให้เท่าหัวใจที่มี
Tiamo, Tequiero, ซารังแฮโย จะบอกว่ารักกี่ภาษา ก็ฟังไม่เยอะสักที
คิมิโอ ไอชิเตรุ, จิตพาเด, บอง สรันโอน ไม่ว่าจะพูดยังไง ก็ไม่เท่าหัวใจที่มี
Amo-te, Jag alskar dig, Ya vas liubliu จะบอกว่ารักกี่ภาษา ไม่ได้ครึ่ง ที่อัดแน่นในนี้
เพลงมากมาย ศิลปิน บี้ เดอะ สตาร์
โอ๊ะ...โอ เปิดมาด้วยเพลงบอกรักหวานๆจากหลากหลายภาษาแบบนี้ไม่บอกก็คงรู้ค่ะ ว่าเรื่องราวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หนีไม่พ้นเรื่องความรักแน่นอน เพราะไม่ว่าจะสาวสวย หนุ่มหล่อ ต่างรอคอยที่จะให้เทศกาลแห่งความรักเดินทางมาถึงไวๆ จะได้เตรียมดอกไม้กับช็อกโกแลต ไปคุกเข่าสารภาพรักกับคนที่แอบชอบซะหน่อย (อั๊ยย์...โรแมนติกเว่อร์) ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นวิธีการบอกรักแบบสากล ที่คู่รักทั้งโลกใช้กัน ฉะนั้นวันนี้ Karunteeขอแหวกแนว พาแฟนๆ บาริโอไปดูประเทศที่เขามีวิธีการบอกรักที่ไม่เหมือนใคร ไปดูกันดีกว่าว่ามีประเทศอะไรบ้าง
ประเทศเวลส์
ขอบอกก่อนว่าประเทศนี้โรแมนติกสุดๆ เพราะว่าในสมัยก่อนเขานิยมมอบช้อนแห่งความรักแก่คนที่ชอบในวันวาเลนไทน์หลายคนอาจจะคิดว่าเอ๋...มันธรรมดาไปหรือเปล่า วันแห่งความรักทั้งทีกลับให้ช้อนแทนที่จะเป็นสิ่งของที่ดูมีค่า มีราคามากกว่านี้ ฮืม...คิดผิดแล้วค่ะคุณขา เพราะช้อนนี้ไม่ธรรมดาตรงที่มันเป็นช้อนไม้ที่ผู้ที่มีความสามารถและชื่นชอบในการแกะสลัก จะบรรจงฝีมือแกะสลักช้อนเป็นรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปหัวใจและลูกกุญแจการทำเช่นนี้หมายว่า "คุณได้ไขหัวใจของฉันเข้าไปแล้ว" (You unlock my heart) อ๊าย...ถ้ามีใครทำให้แบบนี้ รักตายเลยค่ะ
ส่วนเหล่าหนุ่มสาวในประเทศเวลส์เชื่อกันว่าถ้าเขียนชื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วหย่อนไว้ในอ่างหรือชาม แล้วหยิบขึ้นมาหนึ่งชื่อ เพื่อดูว่าใครจะเป็นคู่ของตัวเองในวันวาเลนไทน์ หลังจากนั้นก็จะเอาชื่อที่หยิบได้นี้มาติดไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพราะคนๆ นั้นต้องการบอกคนทั่วไปรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
ในปัจจุบันยังมีคู่รักในเวลส์ยังคงใช้วิธีการบอกรักแบบสมัยก่อนอยู่บ้าง แต่การมอบดอกกุหลาบกับช็อกโกแลตก็เป็นที่นิยมกันอย่างมากในหมู่วัยรุ่น
ประเทศอังกฤษ
เมื่อหลายร้อยปีก่อนในประเทศอังกฤษ เด็ก ๆ จะแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ แล้วร้องเพลงในท่อนหนึ่งว่า " Good morning to you, Valentine ; Curl your locks as I do mine --- Two before and three behind. Good morning to you, Valentine."จากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง แต่ในปัจจุบันคนอังกฤษกลับเคร่งครัดในการมอบของขวัญวันวาเลนไทน์เป็นดอกไม้กับบัตรอวยพรเป็นอย่างมากซึ่งสถานที่บอกรักยอดนิยมของชาวอังกฤษคือชิงช้าสวรรค์สูงที่สุดในทวีปยุโรป London Eye ด้วยความสูงกว่า 135 เมตร(แหม...เข้าใจบอกรักกันนะคะเนี๊ย บรรยากาศดีสุดๆ) บอกรักไป ชมบรรยากาศทั่วกรุงลอนดอนไปรับรองความโรแมนติกจะติดตราตึงใจของหนุ่มสาวไปจนนิรันดรเลยล่ะค่ะ
ประเทศโปรตุเกส
ในตำนานของประเทศโปรตุเกสเล่ากันว่า สาวทอผ้าได้ปักผ้าเช็ดหน้าขนาดใหญ่เท่าผ้าพันคอให้กับคนรัก ในทุกขณะที่ปัก หญิงสาวได้ถ่ายทอดความรักและห่วงใยลงไปในผ้าผืนนั้น วันใดที่ปักผ้าสำเร็จจะถือว่าวันนั้นเป็นวันแห่งความรักของเธอดังนั้นวันวาเลนไทน์ของผู้หญิงโปรตุเกส แต่ละคนจึงไม่ใช่วันเดียวกัน ถ้าชายหนุ่มที่หญิงสาวหมายปองและมอบผ้าที่ปักให้ นำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นพันรอบคอขณะออกไปเดินเล่นในวันอาทิตย์ แสดงว่าเขายินดีและยอมรับต่อสาธารณชนถึงความผูกพันที่มีต่อหญิงผู้ให้ผ้าเช็ดหน้า แล้วจากนั้นเขาจะส่งผ้าคืนให้เธอ
ทุกวันนี้ของขวัญที่หนุ่มสาวนิยมมอบให้กันคือผ้าเช็ดหน้า รวมไปถึงดอกไม้ยอดฮิตอย่างกุหลาบ โดยเลือกสีต่างๆ เพื่อใช้สื่อความรู้สึกตามความหมายของสีนั้นๆ
เม็กซิโก
การขโมยหญิงสาวคนรักหรือชาวเม็กซิโกเรียกว่าการขโมยเจ้าสาว ซึ่งเริ่มจากเหตุการณ์ที่หนุ่มสาวแอบพบกันลับๆแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้ และห้ามไม่ให้พวกเขาคบกันชายหนุ่มจึงอาศัยความมืดพรางตัวเข้าไปหาหญิงสาวถึงในบ้านด้วยวิธีต่างๆกันไป เช่น ขี่ม้า ขับรถ ขี่มอเตอร์ไซด์ เดินเท้า เป็นต้น ถ้าหญิงสาวยอมหนีตามไปด้วย หากเรื่องถึงพ่อแม่ฝ่ายหญิงรู้ ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกันโดยจัดพิธีสมรสขึ้นโดยเร็วที่สุด
ถึงในอดีตการแสดงความรักจะดิบเถื่อนไปหน่อยแต่ในปัจจุบันหนุ่มสาวชาวเม็กซิโกกลับโรแมนติกไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะนิยมการขับเพลงเกี้ยวสาวโดยชายหนุ่มจะลงทุนนำกลุ่มนำดนตรีไปยังบ้านสาวที่เขาหมายปอง และตั้งวงบรรเลงเพลงรักหวานซึ้งไปเรื่อยจนกว่าเธอจะใจอ่อนยอมโผล่หน้ามาให้เขาเห็น หากเธอไม่เปิดประตูรับ ให้รู้ไปเลยว่า เธอไม่มีเยื่อใยไมตรีแต่อย่างใด
สเปน
การร้องเพลงเป็นวิธีการบอกรักสาวยอดฮิตในสมัยก่อนของสเปน เพราะส่วนใหญ่พวกนักศึกษาหนุ่มจะฐานะยากจนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการร้องเพลงในร้านอาหาร จึงมักใช้ทักษะทางดนตรีในการพิชิตหัวใจสาว แม้วันเวลาจะผ่านไปหลายร้อยปี วิธีโบร่ำโบราณแบบนี้ยังมีให้เห็นอยู่ในสเปน
ปัจจุบันในสเปนยังมีกลุ่มชายหนุ่มที่หลงรักดนตรีธรรมเนียมโบราณอยู่บ้าง และคนกลุ่มนี้ซึ่งชื่นชอบ ชีวิตกลางคืนมักจะแต่งกายเหมือนอยู่ในยุค 700 ปีก่อน คือ สวมเสื้อคลุมตัวยาว ถือกีตาร์คู่ชีพตะเวนไปตามท้องถนนเพื่อจีบสาว พวกเขาอาจจ้องเพลงอยู่ในมุมมือของบาร์หรือตามลานกว้างที่ผู้คนผ่านไปมา
ประเทศจีน
ก่อนที่จะมีวันวาเลนไทน์ ชาวจีนมีวันแสดงความรักอยู่แล้ว 2 วัน คือ จีเจี่ยวยื่อ ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7ตามปฏิทินจีน ชาวจีนเล่าขานกันว่ามีหนุ่มโคบาลเลี้ยงวัวรักกันดูดดื่มกับสาวทอผ้าธิดาองค์สุดท้องในจำนวน 7 องค์ของเจ้าสวรรค์ ยวี่-หวง-ต้า-ตี้ แต่สรวงสวรรค์เห็นแก่ความรักของทั้งสองจึงยอมให้พวกเขาพบหน้ากันได้เพียงปีละครั้ง ได้ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปีโดยอาศัยความช่วยเหลือของฝูงนกที่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสะพานให้ นับตั้งแต่นั้นมาทุกวันที่ 7 เดือน 7 ชาวจีนจะสวดมนต์อ้อนวอนขอพรจากคนเลี้ยงวัวและสาวทอผ้าเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตของตนส่วนวันแห่งความรักอีกหนึ่งวันของชาวจีนคือ ชางหยวนยื่อ ตรงกับ วันที่ 15 เดือนอ้าย ซึ่งมีธรรมเนียมแต่โบราณอนุญาตให้หญิงสาวออกไปเที่ยวนอกบ้านได้ในวันนี้
ปัจจุบัน หนุ่มสาวชาวจีนก็ไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่ในประเทศอื่นๆ ที่นิยมฉลองวันวาเลนไทน์แบบตะวันตกมากกว่า มีการส่งดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือบัตรอวยพร และออกไปเดินเล่นหรือกินอาหารค่ำด้วยกัน
ประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลและความเชื่อเรื่องหนุ่มโคบาลเลี้ยงวัวกับสาวทอฟ้าจากจีน ซึ่งราชสำนักญี่ปุ่นแห่งเกียวโตรับเข้ามาในสมัยเฮอัน (พ.ศ.1337-1728)และได้นำมาผสมผสานกับประเพณี "โอบง" จนกลายเป็นเทศกาลทานาบาตะที่ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของญี่ปุ่น เมื่อถึงเทศกาลทานาบาตะเหล่าเด็กหญิงจะขอพรให้ตนมีทักษะเย็บปักถักร้อยดีขึ้น ส่วนเด็กชายจะพากันขอให้ตนมีทักษะเขียนได้ดีขึ้นโดยเขียนขอพรไว้บนแถบกระดาษ ซึ่งจะใช้น้ำค้างกับใบต้นเผือกมาทำหมึกสำหรับเขียนขอพร
ในยุคปัจจุบันญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจะฉลองเทศกาลนี้ด้วยการเขียนถึงความหวังของตน บางครั้งก็เขียนเป็นกลอนลงบน"ทันซากุ" ซึ่งเป็นแถบกระดาษเล็กๆ จากนั้นจึงนำไปห้อยกับต้นไผ่ ประดับตกแต่งด้วยสิ่งของสวยงามมากมาย และของประดับต้นไผ่จะถูกนำมาลอยในแม่น้ำหรือเอามาเผาหลังจบเทศกาลนี้ ซึ่งมักเป็นช่วงเที่ยงคืนหรือในวันถัดไป
ว่ากันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่นำช็อกโกแลตมามอบให้กับคนรัก จนกระจายความนิยมไปประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงประเทศแถบตะวันตก เมื่อถึงวาเลนไทน์หญิงสาวชาวญี่ปุ่นต่างตื่นเต้นที่จะเลือกซื้อช็อกโกแลตเพื่อนำไปมอบให้กับชายหนุ่มที่ตนแอบรัก (ขอบอกว่าวันนี้ช็อกโกแลตขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยล่ะค่ะ) ส่วนวันที่ผู้ชายจะให้ของขวัญแก่ผู้หญิงนั้นเรียกว่า White Day ซึ่งตรงกับวันที่ 14 มีนาคมของทุกปี
VIDEO
ตำนานเทศกาลทานาบาตะ
ว๊าว...ตำนานการบอกรักของแต่ละประเทศนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เลยนะคะ โรแมนติกและซาบซึ้งไม่แพ้กัน ถ้าใครสนใจจะนำวิธีบอกรักของประเทศไหนมาใช้ก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่ยังไงก็ขอให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมนะคะ แล้ววาเลนไทน์ของคุณจะเต็มไปด้วยความสุขแน่นอนค่า ฟันธง!