ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ สวัสดีปีใหม่จีนแฟนๆ ชาวบาริโอทุกคนนะคะ เพื่อให้เข้าบรรยากาศตรุษจีน เดือนนี้ Karuntee จะพาทุกคนไปทำความรู้จักบ้านแบบจีนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ถ้าพูดถึงบ้านจีนใครๆ ก็ต้องร้องอ๋อ...เพราะในเมืองไทยมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เยอะเลยทีเดียว เราจึงสามารถพบเจอบ้านสไตล์จีนได้ง่าย นอกจากนี้เรายังได้เห็นศิลปะและเอกลักษณ์ของจีนผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดัง เช่น วัดมังกร (เล่งเนยยี่) ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี (หมู่บ้านมังกรสวรรค์) เยาวราช เป็นต้น
บ้านจีนแบบดั้งเดิม
คนจีนไม่ได้ปลูกบ้านตามความชอบหรือสมัยนิยม แต่อาศัยหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีมาแต่ช้านาน แบบบ้านของคนจีนโดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสและหันหน้าไปทางทิศใต้เสมอ แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีฐานะ ตัวบ้านมักจะเป็นรูปตัวแอล ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ย่อขนาดจากแบบแรก ช่วยประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างแต่ยังไม่หลุดไปจากหลักฮวงจุ้ย บ้านสไตล์จีนส่วนใหญ่มีการแบ่งโซนอยู่อาศัยอย่างชัดเจน และใช้หลังคามุงกระเบื้อง หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า “เก๋งจีน” ในส่วนของพื้นและผนังจะทำด้วยอิฐหรือไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้มักเป็นงานฝีมือโชว์ศิลปะในการแกะสลักและฝังมุกลงไปในเนื้อไม้ เน้นการตกแต่งบ้านให้สวยงามด้วยภาพเขียนลายพู่กันจีน ประดับประดาเครื่องลายคราม รวมไปถึงงานจำพวกถ้วยชาม สังฆภัณฑ์ที่เป็นลวดลายของจีน
ลักษณะการตกแต่งบ้านสไตล์จีน
1.ในส่วนของฝ้าเพดาน จะไม่นิยมใช้ลวดลายมาก เพราะต้องการให้เป็นจุดที่เบาและเรียบง่าย เนื่องจากเน้นรายละเอียดการตกแต่งลวดลายบริเวณอื่นแล้ว
2.ผนังบ้านของคนจีน ส่วนใหญ่จะแบ่งการตกแต่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ การตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ที่เป็นลวดลายจีน ภาพเขียนโบราณและภาพวาดต่างๆ โดยจะใช้ปิดแค่บางส่วนของห้อง และ การใช้กระจกเงาแกะลายกรุผนัง ซึ่งไม่นิยมกรุหรือปิดลายจีนทั้งห้อง เพราะจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัด ไม่ปลอดโปร่ง
3.ประเทศจีน มีความเป็นชาตินิยมสูง มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษสืบทอดจนถึงปัจจุบัน คนจีนจึงนิยมเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบบิวท์อิน และต้องเป็นรูปทรงแบบจีน รวมทั้งมีการแกะสลักลวดลายจีนลงไปในโต๊ะ เตียง ตู้ เก้าอี้ เป็นต้น
4.สีแดงคือสีเด่น ลองสังเกตดูนะคะ บ้านจีนแทบทุกหลังจะต้องมีองค์ประกอบที่เป็นสีแดง เพราะเชื่อว่าคือสีที่เป็นมงคล
รู้จักบ้านสไตล์จีนไปแบบคร่าวๆ แล้ว Karuntee มีตัวอย่างการตกแต่งบ้านแบบจีนโบราณมาให้ชมกันแบบชัดๆ ด้วยค่ะ
พระราชวังปักกิ่ง
พระราชวังปักกิ่งหรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “พระราชวังต้องห้าม” หรือ “พระราชวังกู้กง” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ ราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1406) โดยตอนแรกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์กว่า 24 พระองค์ ตัวพระราชวังแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นวังที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของโลก!! และมีอายุยาวนานหลายพันปี จึงผ่านการซ่อมแซมมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทางรัฐบาลก็ยังคงสถาปัตยกรรมเดิมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
พระราชวังปักกิ่งใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 14 ปี เนื่องจากมีพื้นที่ประมาณ 720,000 ตารางเมตร โดยแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะประกอบไปด้วยอาคารกว่า 800 หลัง ห้อง 9,999 ห้อง พระที่นั่ง 75 องค์ หอสมุด ห้องต่างๆ สวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมต่อกัน คูคลองล้อมรอบ ประตูวัง 4 ทิศ และกำแพงสูงถึง 11 เมตรตั้งล้อมรอบวัง
สถาปัตยกรรมของพระราชวังปักกิ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมโบราณที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 17 และ 18 ได้อย่างลงตัว และสะท้อนถึงอารยธรรมจีนในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงอีกด้วย
(แผนผังพระราชวังปักกิ่ง)
การตกแต่งของพระราชวังต้องห้าม
เริ่มจากประตูไท่เหอ ซึ่งเป็นประตูทางเข้าหลักของตำหนักส่วนหน้า เป็นประตูที่มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่าที่สุดของพระราชวัง ถูกประดับด้วยสิงโตที่ทำจากทองสำริด 2 ตัว ด้านขวาเป็นสิงโตตัวผู้ด้านซ้ายเป็นสิงโตตัวเมีย
ต่อมาเป็นส่วนของตำหนักซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยด้านหน้าเป็นส่วนของราชการ ด้านหลังเป็นที่พักอาศัย ตำหนักส่วนหน้ามี 3 หลังด้วยกัน คือ ไท่เหอ เป็นตำหนักเอกที่มีความพิเศษที่สุด เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของฮ่องเต้และมเหสี ดังนั้นจึงมีรูปแบบการก่อสร้างและการตกแต่งด้วยหลังคาซ้อน 2 ชั้น และมุงด้วยกระเบื้องสีทอง ทั้งยังตั้งโดดเด่นบนฐานหินอ่อนสีขาว 3 ชั้น ยกพื้นสูง ราว 2 เมตร ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็น เมฆ , มังกร และหงส์ ด้านหน้าตำหนักมีการจัดวางนาฬิกาแดดและเจียเลี่ยง ซึ่งเป็นเครื่องมือชั่งตวงวัดชนิดหนึ่งซึ่งจักรพรรดิเฉียนหลงทรงให้ทำเลียนแบบเจียเลี่ยงในสมัยถังถือเป็นสุดยอดของสถาปัตยกรรมของพระราชวังต้องห้าม
ถัดไปเป็นตำหนักจงเหอ เป็นตำหนักที่จักรพรรดิทรงประทับก่อนที่จะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีต่างๆ ที่ตำหนักไท่เหอ มีเอกลักษณ์อยู่ตรงหลังคาที่ถูกประดับด้วยสัตว์มงคลต่างๆ โดยชนิดและจำนวนของสัตว์ที่อยู่บนหลังคาสามารถบ่งบอกถึงความสำคัญของพระตำหนักได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีสัตว์มาก ก็ยิ่งสำคัญมาก
และสุดท้ายคือตำหนักเป่าเหอ สำคัญรองจากตำหนักไท่เหอ ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าขุนนางระดับสูง และใช้เป็นสนามสอบ "จอหงวน" สำหรับคัดเลือกขุนนางระดับสูง การออกแบบภายในใช้เทคนิคในการก่อสร้างที่พยายามลดการใช้เสา ทำให้ภายในตำหนักมีความโปร่งโล่ง ด้านหลังพระตำหนัก ตรงบันไดหินทางลง จะเป็นแท่งหินขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักถึง 250 ตัน ถูกแกะสลักเป็นรูป "9 มังกรดั้นเมฆ" งดงาม ตระการตาเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนด้านหลังเป็นตำหนักที่ประทับของจักรพรรดิและมเหสีอีก 3 หลัง ได้แก่ ตำหนักเฉียนชิง ตำหนักเจียวไท่ และตำหนักคุนหนิง
สวนอี้หยวน เซี่ยงไฮ้ (Yuyuan Garden)
สวนอี้หยวน สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุด ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ของสมัยราชวงศ์หมิง เป็นสวนที่มีอายุยาวนาวนานกว่า 400 ปี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่โบราณที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชื่อ “จางหนานหยาง” โดยใช้เวลายาวนานเกือบ 18 ปี และล่วงเลยถึง 3 แผ่นดินถึงแล้วเสร็จ ในอดีตเคยเป็นซ่องสุมสมาคมดาบน้อยหรือขบวนการกบฏไท่ผิงที่ลือชื่อ เวลาผ่านไปสวนอี้หยวนก็ทรุดโทรมตามกาลเวลา รัฐบาลจีนได้เข้ามาบูรณะให้คงสภาพสวยงาม ปรับปรุงและยกให้เป็นเป็นสาธารณสมบัติ โดยให้คงบรรยากาศและองค์ประกอบโดยรวมไว้ สวนอี๋หยวนมีพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นกลุ่มเด่นๆ ได้เป็น 6 ส่วน คือ
1. Grand Rockery คือ บริเวณที่โชว์สวนหินที่มีความสวยงาม มีการจำลองหน้าผา และหุบเขา โดดเด่นด้วยก้อนหินที่มีรูล้อมรอบตั้ง 72 ช่อง ที่สามารถเทน้ำจากด้านบนน้ำสามารถไหลผ่านถึงกันได้ทุกช่อง
2. The Ten Thousand – Flower Pavilion สวนที่ไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ เช่น ต้นกิงโกะที่มีอายุยืนกว่า 400 ปี ซึ่งบริเวณนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงสีขาว ตรงเหนือกำแพงเป็นมังกรที่เลื้อยยาวอยู่รอบสวน เชื่อกันว่าเพื่อปกป้องดูแลและคุ้มครองสวนแห่งนี้
3. The Hall of Heralding Spring ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของสวนเป็นที่จัดแสดงอาวุธและเหรียญกษาปณ์
4. The Hall of Jage Magnificence หรือเรียกว่าหอแดง สร้างจากไม้เนื้อแดงทั้งหลัง มีรายละเอียดที่อ่อนช้อยแสดงถึงสถาปัตยกรรมแบบจีนได้อย่างเด่นชัด
5. The Inner Garden เป็นสวนหย่อมขนาดย่อมเล็ก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1956 เป็นสวนที่มีลักษณะของการผสมผสานกันระหว่างตะวันออกและตะวันตก ซึ่งถูกตกแต่งได้อย่างงดงามลงตัว
6. The Lotus Pool บึงดอกบัว ที่นอกจากจะมีดอกบัวสีสด ตั้งตระหง่านภายในสระแล้ว ยังเต็มไปด้วยปลาหลากสีสันแหวกว่ายอยู่ภายในบึง
หวังไว้ว่าการตกแต่งบ้านสไตล์จีนที่ Karuntee นำมาฝากจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ที่จะช่วยให้แฟนๆ บาริโอ สามารถเข้าใจและรู้จักบ้านสไตล์จีนมากขึ้น รวมไปถึงนำทริคเล็กๆ น้อยๆ ไปตกแต่งบ้านรับตรุษจีนปีนี้ได้ด้วยนะคะ
รูปภาพประกอบจาก Pinterest.com
|