แม้ในปัจจุบันจะมีการผลิตไม้เทียมหลากรูปแบบ หลายลวดลายออกมาให้เลือกสรรค์ และนำไปสร้างบ้านให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานกันมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมใช้ “ไม้ธรรมชาติ” เป็นส่วนประกอบหลักของบ้าน เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพของเนื้อไม้ มีลักษณะของลวดลายที่สวยงาม ประกอบกับช่วยสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ดูเป็นธรรมชาติและ ผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง

ก่อนที่จะเลือก“ไม้” มาสร้างบ้าน อันดับแรกต้องทำความเข้าใจว่า “จุดประสงค์” ในการใช้งานคือส่วนไหน ? ทำอะไรบ้าง? โดยสามารถแบ่งเป็น 2 วัตถุประสงค์หลัก ดังนี้

1.เลือกไม้เพื่อความสวยงามและใช้ในงานประณีต
วัตถุประสงค์หลักคือ การนำไม้มาประกอบเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น บาน ประตู หน้าต่าง เครื่องเรือน ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ หรือครุภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งต้องการความประณีตเรียบร้อย สวยงามมากกว่าแข็งแรงและทนทาน โดยทั่วไปนิยมเลือกจำพวกไม้ที่ไม่ต้องรองรับ น้ำหนักหรือต้านแรงมาก
หลักการเลือกไม้มาใช้งานประเภทนี้
- ควรเลือกไม้ที่ได้จากแก่นที่สมบูรณ์ หมายความว่า ไม้ที่ได้จากต้นไม้ที่เติบโตเต็มที่และเหมาะกับสภาพอากาศของท้องถิ่นนั้นๆ
- ลักษณะของไม้ต้องมีการหดตัว โดยผ่านการผึ่งให้แห้งและอยู่ตัวดี ไม่อ้าหรือบิดออกจากกัน
- เนื้อไม้ต้องมีความละเอียด เป็นแนวตรง สามารถนำมาตกแต่งได้ง่าย
- สีไม้ต้องมีความสม่ำเสมอกันทุกแผ่น มีลวดลายที่สวยงามใกล้เคียงกัน
- ต้องไม่เป็นรอยผุ ด่างหรือเน่าเปื่อย (ไม้ที่ยังไม่ได้ไสสังเกตยาก) สามารถทดสอบโดยการใช้ค้อนเคาะ ถ้าไม้ดีจะมีเสียงแน่นแกร่ง หากไม้ผุหรือเสีย เปราะ ไม่เหนียว มีเสียงดังผลุๆ
- ราคาไม่แพงจนเกินไป

2. เลือกมาใช้ในงานเพื่อรับน้ำหนักโดยตรง
ส่วนใหญ่เป็นไม้ที่นำมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน ที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องอาศัยการรับน้ำหนักและต้านทานแรงต่าง ๆ มากกว่าความสวยงาม ความแข็งแรงจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรถึงเป็นอันดับแรก
หลักการเลือกไม้มาใช้งานประเภทนี้
-ต้องเป็นไม้ที่เนื้อแน่น แข็งแกร่ง เหนียว ไม่เปราะง่าย
-ควรเลือกไม้แก่นหรือไม้ที่มีอายุเหมาะแก่การตัด ไม่มีรอยชำรุดเสียหาย เช่น เป็นตา ผุ แตกร้าว ปิดงอ คด โค้ง และเป็นไม้ที่ผ่านการผึ่งมาได้ที่พอเหมาะแก่งานประเภทนี้
เมื่อรู้ว่าต้องนำ “ไม้” มาใช้ประโยชน์แบบไหน อีกขั้นตอนสำคัญ คือ การศึกษาและทำความรู้จัก “ประเภทของไม้” และ “ชนิดของไม้” แบบใด ที่เหมาะกับการนำมาใช้งานในด้านต่างๆ
ประเภทของไม้

1.ไม้เนื้อแข็ง
ไม้เนื้อแข็งจะมีวงปีมากกว่าไม้ชนิดอื่น มีระยะเวลาเติบโตช้าและไม้ต้องมีอายุมากถึงจะนำมาใช้งานได้ ไม้ชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีเนื้อไม้ที่มีสีเข้ม เนื้อไม้มีความเหนียวและแข็งแรงมาก จึงมีความทนทานสามารถนำมาใช้กับงานภายนอกที่ต้องตากแดดและโดนฝนได้ดี
ข้อดีของไม้เนื้อแข็งคือ มีความแข็งแรงและทนทาน ส่วนข้อเสีย ได้แก่ เมื่อเวลาอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหรือเกิดความชื่น ไม้จะแปรสภาพ เกิดการบิดตัว หดและขยายตัวได้ ซึ่งไม้เนื้อแข็งประกอบด้วย

ไม้เต็ง เนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อนและจะเข้มขึ้นเมื่อตัดทิ้งไว้นาน ลักษณะของไม้มีความแข็งทำให้ไสและตัดแต่งได้ยาก จึงไม่นิยมนำใช้กับงานภายใน เพราะมีผิวหยาบและเสี้ยน รวมไปถึงลายไม้ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ แต่มักนำมาใช้กับงานภายนอกซึ่งต้องอาศัยโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทาน หรือใช้สร้างบ้านเรือนที่ต้องรองรับน้ำหนักมากๆ เช่น เสา คาน ตง วงกบ ประตูหน้าต่าง ตกระดานพื้น ไม้โครงหลังคา และด้ามเครื่องมือกสิกรรม เป็นต้น

ไม้รัง ลักษณะเนื้อไม้มีสีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อหยาบแต่มีความแข็งแรงคงทนมาก ไม้รังเวลาผิวไม้แห้งจะมีความแข็งแรงและคุณสมบัติคล้ายกับไม้เต็ง แต่แข็งแรงน้อยกว่าและสามารถนำไปใช้ทดแทนไม้เต็งได้ ปัจจุบันไม้รังหาซื้อค่อนข้างยากและมีราคาแพงมาก คนส่วนใหญ่จึงไม่นิยมนำมาใช้สร้างบ้าน โดยนำไปใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการรับน้ำหนักมากกว่า เช่น เสา พื้น คาน หมอนรางรถไฟ เป็นต้น

ไม้แดง มีสีน้ำตาลเข้มอมแดง ผิวลายไม้มีสีสันสวยงามชัดเจน ลักษณะของเนื้อไม้มีความแข็งแรงทนทานและ ทำให้นิยมนำมาใช้ในส่วนประกอบโครงสร้างที่เห็นได้ชัด เช่น พื้น วงกบประตู หน้าต่าง แต่ไม่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ เพราะเนื้อไม้ มีความแข็งทำให้ขัดและตกแต่งได้ยาก

ไม้มะค่า เนื้อไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมส้ม คุณสมบัติของเนื้อไม้มีความแข็งแรง สีไม้และเส้นลวดลายไม้มีความชัดเจนและสวยงาม ทำให้เป็นไม้ที่คนนิยมนำมาใช้สร้างบ้าน โดยใช้เป็น พื้นไม้ พื้นบันได หรือส่วนโครงสร้างในบ้านที่เน้นให้เห็นลวดลายของผิวไม้ที่สวยงาม ปัจจุบันไม้มะค่าจึงหายากและมีราคาสูง ไม้มะค่าบางส่วนจึงถูกนำเข้าจากทางแอฟริกา เพราะเนื้อไม้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เนื่องจากเติบโตมาในภูมิอากาศที่ใกล้เคียง ทำให้สีไม้และคุณภาพของไม้ไม่ต่างกันมากนัก

ไม้ตะแบก สีของไม้มีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ลายไม้มีความสวยงามใกล้เคียงกับไม้สัก สามารถไสและตกแต่งได้ง่าย แต่ ข้อเสียคือถ้าหากโดนความร้อนหรือความชื้นจะเกิดการบิดและโก่งตัวได้ง่ายเช่นกัน ไม้ตะแบกจึงมักนำมาใช้ในงานภายในเท่านั้น เช่น พื้นบ้าน บานประตู

ไม้ตะเคียน เนื้อไม้มีสีออกเหลืองทอง เมื่อถูกทิ้งไว้นานหรือโดนแสงแดดเผาจะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ไม้ชนิดนี้นิยมนำมาทำวงกบและพื้นไม้ เพราะมีคุณสมบัติแข็งแรงและทนทานสูง ขนาดที่สามารถนำไปต่อเรือได้เลยทีเดียว
เนื้อของไม้ตะเคียน จะมีตำหนิ ที่เรียกว่า “รูมอด” ลักษณะเป็นรูเล็กๆ ซึ่งเป็นลักษณะทางธรรมชาติของไม้ชนิดนี้ ทำให้หลายคนกังวลว่ารูมอดจะทำให้ไม้ไม่มีความแข็งแรงและทนทาน แต่จริงๆ แล้วรูมอดที่ไม่ได้มีผลต่อความแข็งแรงของไม้แต่อย่างใด
2.ไม้เนื้ออ่อน
ไม้เนื้ออ่อนเป็นไม้ที่มีระยะเวลาการเจริญเติบโตเร็ว ทำให้มีวงปีที่กว้างและลายไม้มีน้อยและไม่ละเอียดมากนัก เนื้อไม้ไม่ค่อยแข็งแรงและทนทานน้อย สีของไม้แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ไม้ที่มีสีจาง อ่อนไปจนถึงสีเข้ม ไม่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนของโครงสร้างที่ต้องการรองรับน้ำหนัก แต่มักนำมาใช้ในงานตกแต่งภายในหรือเฟอร์นิเจอร์หรือส่วนโครงสร้างที่ไม่ได้รับน้ำหนัก โดยไม้เนื้ออ่อนประกอบด้วย

ไม้สัก คือไม้เนื้ออ่อนที่มีลวดลายสวยงามและคุณภาพดีที่สุด โดยเนื้อไม้มีสีน้ำตาลทอง พื้นผิวลาย มีลักษณะเป็นไม้ตรง ที่มีความละเอียดสวยงาม ไม้เกิดการบิดงอโก่งตัวได้ยาก เชื่อกันว่าไม้สักที่มีคุณภาพดีมักเกิดจากต้นสักที่มีอายุยาวนาน เพราะยิ่งนานไม้สักจะยิ่งผลิตน้ำมันธรรมชาติของสักซึ่งมีกลิ่นที่ปลวกไม่ชอบ ทำให้ไม่โดนปลวกกิน แต่ถ้าเป็นไม้สักที่มีอายุไม่มาก จะไม่มีน้ำมันชนิดนี้สะสมอยู่ในเนื้อไม้ จึงมักแก้ปัญหาด้วยการอาบน้ำยากันปลวกแทนก็สามารถช่วยป้องกันปลวกได้อีกทางหนึ่ง
ประโยชน์ของไม้สักคือการนำไปใช้ในการสร้างองค์ประกอบที่ต้องทำอย่างประณีต สวยงาม แต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทาน และรองรับน้ำหนักหรือโครงสร้างที่ตองใช้แรงต้านทานมาก เช่น ทำประตู หน้าต่าง วัสดุ เครื่องใช้ เครื่องเรือนต่าง ๆ

ไม้ยางพารา ต้นยางพาราเป็นต้นไม้โตเร็ว และมีจำนวนมาก ไม่นิยมนำไปใช้ในการแปรรูป แต่นำมาใช้ในระบบอุตสาหกรรม โดยพัฒนากระบวนการปรับปรุงคุณภาพของไม้ด้วยการอัดน้ำยากันปลวกและอบแห้งเพื่อให้เนื้อไม้มีความคงทนแข็งแรง สามารถนำมาใช้งานได้มากยิ่งขึ้น มีราคาไม่แพงและสามารถหาง่าย นอกจากนี้ไม้ยางพารายังมีคุณสมบัติที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ เนื้อไม้เป็นสีอ่อน ทำให้สามารถนำไปทำสีและตกแต่งได้ง่าย ปัจจุบันจึงมักเห็นการนำไม้ยางมาใช้งานกันอย่างกว้างขวาง และหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ผ่านเทคโนโลยีการต่อไม้แบบ FJL (Finger Joint Laminate) ที่สามารถนำไม้ยางท่อนสั้นๆ มาต่อกันเพื่อให้ได้ไม้ยาวมากขึ้น ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานมาก และนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของบ้านที่ไม่ต้องรับน้ำหนัก เช่น ประตู วงกบ ประตู ไม้พื้นบันได เฟอร์นิเจอร์

ไม้มะม่วง ทุเรียน ขนุน เป็นไม้ยืนต้นที่หาได้ง่าย ซึ่งมีจำนวนมากและราคาถูก ลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน ที่ต้องผ่านกรรมวิธีอัดน้ำยากันปลวกและอบแห้ง จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้ดี ส่วนใหญ่นิยมนำไม้ มาทำเฟอร์นิเจอร์ เพราะว่า ไส ตัดและตกแต่งได้ง่าย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับความรู้เรื่องการเลือกไม้สร้างบ้านที่ Karuntee นำมาฝาก หวังว่าหลายคนคงจะได้รู้จักไม้มากขึ้น และสามารถเลือกไม้ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเลือกและการสร้างบ้านนะคะ แล้วเจอกันเดือนหน้าค่ะ...
ขอขอบคุณ
www.baanmaha.com
|