ในตอนนี้สิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันหนาหูมิใช่เพียงแค่เกมเศรษฐีเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว  เรื่องที่กำลังมาแรงในขณะนี้คงไม่พ้นเรื่อง “อีโบลา”  ที่ออกข่าวทางโทรทัศน์  เรียกได้ว่าได้ยินกันเป็นประจำในช่วงนี้เลยทีเดียว  อีโบลาไม่ใช่ชื่อวงเพลงร็อคแต่อย่างใด  แต่เป็น “โรคไวรัสอีโบลา”  ที่ระดับความรุนแรงของมันเทียบได้กับเพลงร็อคฮาร์ดคอเลยล่ะค่ะ  คงมีคนจำนวนไม่มากนักที่จะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้  วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับความน่ากลัวของโรคนี้กันค่ะ

มารู้จัก Ebola กันเถอะ!

ภาพจุลทรรศน์อิเล็กตรอนของไวรัส อีโบล่า รูปพรรณเป็นเส้นด้าย (จาก utmb.edu)

      โรคไวรัสอีโบลา (Ebola)  เป็นเชื้อประจำถิ่นในแถบประเทศแอฟริกา  และมีการระบาดเป็นระยะๆ  โรคนี้เป็นโรคในกลุ่มของไข้เลือดออก  ซึ่งผู้ติดเชื้อจะมีอาการเลือดออกง่ายและรุนแรง  อวัยวะต่างๆภายในล้มเหลว  และเสียชีวิตในที่สุด  โดยอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 90 เลยล่ะค่ะ  พูดง่ายๆคือแทบจะไม่มีโอกาสหายจากโรคนี้เลย

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3102584)

Ebola มีกี่ชนิดกัน ?

      Ebola virus อยู่ในfamily ที่มีชื่อว่า Filoviridaeซึ่งนักวิทยาศาสตร์แบ่งโรคนี้ไว้ 5 ชนิด มี 4 ชนิดที่สามารถทำให้เกิดโรคนี้ในคนอย่างเราๆ ได้ มีดังต่อไปนี้

- Ebola - Zaire virusเป็นเชื้อที่เกิดในประเทศซาอีร์ และเป็นจุดกำเนิดของคำว่า อีโบลา ชื่อนี้ได้มาจากชื่อของแม่น้ำในบริเวณที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้เป็นครั้งแรกในประเทศซาอีร์

      ผู้ป่วยรายแรกได้ขอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดยเขามีอาการคล้ายไข้จับสั่น ทางแพทย์จึงรักษาไปตามอาการ แต่เหตุด้วยโรงพยาบาลแห่งนี้ดันใช้เข็มฉีดยาเดียวกันกับคนไข้คนอื่นๆ ในโรงพยาบาล โดยไม่มีการฆ่าเชื้อก่อนแต่อย่างใด จึงเกิดการแพร่ระบาดทั้งผู้ป่วยคนอื่นๆ และแพทย์ที่รักษาเอง จนกระทั่งแพทย์เกือบทั้งหมดติดเชื้อ โรงพยาบาลแห่งนี้จึงปิดการให้บริการไป

Cr.wikipedia.com

- Ebola - Sudan virusการระบาดเชื้อนี้ครั้งแรกในประเทศซูดานมีผู้ป่วยถึง 284 คน โดยมีอัตราป่วย/ตายร้อยละ 53 ซึ่งยังต่ำกว่าสายพันธุ์ในประเทศซาอีร์ที่สูงถึงร้อยละ 88

- Ebola - Ivory Coast virusไวรัสสายพันธุ์นี้มีการแพร่ระบาดในประเทศไอวอรีโคสท์ในปี พ.ศ. 2537 โดยเป็นหญิงสาว นักชาติพันธุ์วิทยา ทำการผ่าซากศพลิงชิมแพนซีที่ล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุในป่าตาย (Tai Forest) ในประเทศไอวอรีโคสท์ เธอจึงติดเชื้อโดยบังเอิญและป่วย

- Ebola - Bundibugyo

http://image.mcot.net/media/images/1407230380/14072303809016.png

เริ่มออกอาการ

      หลังจากที่ได้รับเชื้อมาประมาณ 2 - 21 วัน (ระยะฟักตัว) ระยะแรกก็จะมีอาการไม่รุนแรงมากนัก ดังนี้

- มีไข้ หนาวสั่น
- ปวดศีรษะอย่างมาก
- ปวดกล้ามเนื้อและตามตัว
- เจ็บคอ
- อ่อนเพลีย
- ท้องร่วง

Cr.wikipedia.com

     แต่เมื่อยิ่งนานวันไปอาการของโรคก็จะรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ และจะมีอาการ

- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องร่วง หรืออาจถ่ายเป็นเลือด
- ตาแดง
- มีผื่นนูน
- ไอ เจ็บหน้าอก
- จุกแน่นบริเวณกระเพาะอาหาร
- น้ำหนักลด
- มีเลือดออกทางจมูก ปาก ทวาร หู ตา
- อวัยวะเพศบวม

http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000008964010.JPEG

อีโบลา...มหันตภัยโรคระบาดสัตว์สู่คน

http://hilight.thaihealth.net/wp-content/uploads/2014/07/ebola5.jpg

      สันนิษฐานว่าโรคนี้เกิดจากคนได้รับเชื้อจากการสัมผัสเลือด  หรือพวกสารน้ำในร่างกายของสัตว์ที่ติดเชื้อ  ในปี พ.ศ. 2548  มีคนเข้าไปรุกล้ำในเขตสัตว์ป่า  และจับค้างคาวกิน  คาดว่าเป็นค้างคาวผลไม้  ซึ่งค้างคาวชนิดนี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อในแถบแอฟริกา  เพราะมีพื้นที่หากินอยู่ในแหล่งที่มีโรคระบาดเป็นประจำในแถบประเทศ ซูดาน  ยูกานดา  และไอวอรี่โคสท์  ทำให้ทั้งคนฆ่า  ชำแหละ  คนกินติดโรคมา  และก็ติดต่อจากคนสู่คนในที่สุด  หือออ ฟังอย่างนี้แล้วใครที่ชอบกินของแปลกนี่ต้องระวังไว้เลยนะคะ  มันอาจจะมาไม่รู้ตัวจริงๆ

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/fc/EbolaCycle.png 

หายนะ...จากคนสู่คน

      โรคนี้ใครๆ ก็ติดได้ ทั้งชาย และหญิง แต่ผู้หญิงอายุ 15-29 ปี จะมีอัตราการติดโรคสูงกว่า โดยส่วนใหญ่แล้วจะติดต่อกันได้จากการสัมผัสเลือดของผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง จากสารคัดหลั่ง น้ำเชื้อ หรืออาจะเป็นละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย (อาจเกิดขึ้นได้แต่มีโอกาสน้อยกว่า) และจะไม่ติดต่อกันทางอากาศหายใจ (air-borne)

      นอกจากนี้ซีรัมในสัตว์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งระบาดก็ไม่พบ anti-body ต่อไวรัสอีโบลา นั่นหมายความว่าไม่มีการติดเชื้อแต่อย่างใด แต่ทำไมถึงยังมีการแพร่ระบาดของโรคนี้อยู่เสมอ แหล่งรังโรคธรรมชาติอยู่ที่ใด ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป

http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000004123503.JPEG

รู้เท่าทันป้องกันเป็น

      ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีตัวยาใดที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ มีเพียงการให้น้ำเกลือ การรักษาความดันโลหิต การเติมเลือด วิธีที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นการหลักเลี่ยงเอง นั่นก็คือ

- เลี่ยงการไปเที่ยวในประเทศที่เคยมีการแพร่ระบาดของโรคนี้
- ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
- เลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ป่า และรับประทานแต่อาหารปรุงสุก

http://www.thairath.co.th/media/CPQO4Axq3JW5gTDSwBJEYt1oRBYRHP.jpg

- เลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำเหลือง เลือด น้ำลาย น้ำเชื้อ น้ำมูกของผู้ป่วย
- สำหรับเจ้าหน้าที่การแพทย์ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันให้มิดชิด
- ระมัดระวังการสัมผัสกับศพที่ตายด้วยโรคอีโบลา

Cr.http://www.springnewstv.tv

      ด้วยความโชคดีของประเทศไทยที่โรคไวรัสอีโบลายังไม่มีการแพร่ระบาด ก็ยังพอทำให้เราอุ่นใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ สุขภาพนี่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งที่จะไม่ทำให้โรคภัยต่างๆวิ่งเข้ามาหาเราได้ง่ายๆ แค่หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารปรุงสุก และให้ครบ5หมู่  นอนพักผ่อนให้เพียงพอ  เท่านี้แม้แต่หวัดเล็กๆน้อยๆก็เป็นยากแล้วล่ะค่ะเดือนหน้าอย่าลืมติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างนี้กับ bareo&isyss อีกนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.siamhealth.net/
http://www.manager.co.th/
http://www.nstda.or.th/
www.myfirstbrain.com