เริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยเทรนด์สีแห่งปีและเทรนด์แฟชั่นของช่วงครึ่งปีแรก อะไรอยู่ในกระแสบ้าง ไปอัพเดตกัน

Color : Emerald Green

ก่อนส่งท้ายปีเก่าเราเล่าถึงสีส้มซึ่งเป็นโทนสีของปีที่แล้วที่ส่งเรามาสู่ปี 2013 นี้ทาง Pantone ได้ประกาศออกมาแล้ว ว่าสีเขียวมรกต (Pantone 17-5641) คือสีของปี 2013 เป็นโทนสียอดฮิตในวงการแฟชั่น ความงามและงานตกแต่งภายใน เพราะความสดใสของสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของความอยู่ดีมีสุข เป็นโทนสีของอัญมณีที่มีความแวววาวมีคุณค่าอย่างเช่น มรกตที่มีทั้งความโก้และสง่างาม เป็นสีแห่งความงามมาตั้งแต่ยุคโบราณสื่อถึงชีวิตใหม่ทั้งในแง่มุมของวัฒนธรรมและ ศาสนา อีกทั้งเป็นสัญลักษณ์ของการเจริญเติบโต การเริ่มต้นใหม่ ความมั่งคั่ง การบำบัด และความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ซึ่งอาจมีความหมายแฝงถึงการนำมาสู่การเริ่มใหม่หรือเยียวยารักษาปัญหาต่างๆในโลกปัจจุบันก็เป็นได้

ในแวดวงแฟชั่นนั้น สีเขียวเป็นโทนสียอดฮิตอีกสีหนึ่งมาหลายซีซั่นทั้งเสื้อผ้า Ready-to-Wear ที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงชุดของดาราฮอลลีวู้ดบนพรมแดง และนอกจากนี้ยังนำไปใช้กับเสื้อผ้าสปอร์ตแวร์อีกด้วย

ในแวดวงความงาม สีเขียวเป็นเฉดสียอดฉิตสำหรับอายแชโดว์ที่จะมาเพิ่มความโดดเด่นให้กับดวงตา แต่อาจจะไม่เหมาะ กับสาวเอเชียนัก แต่เหมาะสำหรับสาวนัยน์ตาสีฟ้าหรือสีน้ำตาล อายชาโดว์หรืออายไลน์เนอร์สีเขียวจะช่วยให้ตาดูเข้มขึ้น และยังแม็ตช์กับโทนสีพีช สีชมพู สีกลีบกุหลาบ สีแดง และม่วงแดงได้ดี สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังเตรียมไป งานปาร์ตี้หรืองานแฟนซีลองเลือกแต่งตาสีเขียวกับบลัชออนแต่งแก้มและลิปสติกเฉดสีเหล่านี้ดู หรือไม่ก็เลือกเป็นโทน สีเล็บ

ส่วนใครมีอยากได้ไอเดียแต่งห้องรับปีใหม่ สีเขียวก็มีอิทธิพลงานตกแต่งภายใน เนรมิตความหรูหราให้กับทางเข้าบ้านหรือ ความสงบให้กับห้องอาหาร ห้องอ่านหนังสือหรือรับแขก หากไม่อยากทาสีใหม่ก็ลองไปช็อปเป็นชิ้นเฟอร์นิเจอร์หรือของ ใช้ในบ้านก็ได้

Fashion
Spring-Summer 2013 Trens
สำหรับเทรนด์แฟชั่นของคอลเล็คชั่น Spring-Summer หรือช่วงครึ่งปีแรกนั้นดีไซน์เนอร์ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ ไอคอนคนไหนหรือได้รับอิทธิพลจากกระแสหลักใดและมีอะไรที่น่าตื่เต้นบ้างไปติดตามกัน

Muse of the Season : สไตล์ไอคอนแห่งยุค 60
The Factory Girl
สำหรับ Muse หรือสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ของซีซั่นนี้เป็น IT-Girl แห่งยุค 60 ที่ไม่ใช่ทวิกกี้ (Twiggy) แต่ กลับเป็นเอ็ดดี้ เซ็ดจ์วิค (Edie Sedgewick) ดาราสาวจากเรื่อง The Factory Girl ผลงานกำกับของแอนดี้ วอฮอล์ (Andy Warhol) และอีกหลายเรื่องของเขา โดยสไตล์อันการแต่งตัวอันโดดเด่นของเธอในเรื่องมีชิ้นหลักคือไอเท็มลายขวางง่ายๆ นี่เองทำให้ดีไซน์เนอร์มาร์ค เจค็อบส์ (Marc Jacobs)

นำมาทำให้รันเวย์ Marc Jacobs ซีซั่นนี้โดดเด่นด้วยลายพิมพ์ กราฟฟิกของสาว Factory Girl และกลายเป็นอีกหนึ่งลาย พริ้นต์สุดฮอตบนรันเวย์นิวยอร์คแฟชั่นวีคไปพร้อมกับการการันตีถึงสไตล์ของสาวนิวยอร์คที่ดัดแปลงมาจากไอคอนสาว นิวยอร์คคนนี้ และนอกจากมาร์คจะนำลายพิมพ์กราฟฟิกมา ใช้กับแบรนด์ของตัวเองแล้ว งานออกแบบของ Louis Vuitton ซีซั่นนี้ประทับด้วยลายตารางดามิเย่ร์เอกลักษณ์ของแบรนด์ อีกด้วย

Influence : มนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออก

Fifty Shades of Inspiration

คัลเจอร์อิมแพ็คของซีซั่นนี้คงต้องยกให้กับ Fifty Shades of Grey นิยายฉาวกระฉ่อนโลกที่กำลังกวาดรายได้อยู่ใน ขณะนี้และส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่น ทำให้สองดีไซน์เนอร์ลูบอฟ (Lubov) และแม็กซ์ แอสเรีย (Max Azria) แห่งแบรนด์ BCBG Max Azria ที่โดดเด่นด้วยชิ้นงานที่เน้นซิลูแอ็ตอันเย้ายวนของผู้หญิง ซีซั่นนี้เขาหยิบเอากลิ่นอายของหนังสือ
สุดเซ็กซี่เล่มนี้มาสร้างความสะดุดตาบนรันเวย์ทั้งแบรนด์ BCBG Max Azria และ Hervé Léger

ด้วยสายหนังที่ดูคล้ายกับคอร์เซ็ตพร้อมกับการมิกซ์เนื้อผ้าได้อย่างน่าสนใจผ่านการใช้ผ้าแชมเบรย์ (Chambray) ผ้าทอ น้ำหนักเบาที่นิยมนำมาตัดเสื้อผ้าสไตล์ workwear มาสร้างสรรค์ใหม่ให้เป็นแฟชั่นมากขึ้น เป็นการผสมผสานเข้ากับการ ใช้วัสดุหนังที่ดูแข็งแกร่งได้อย่างลงตัวมิกซ์วัสดุได้น่าสนใจ ในซีซั่นนี้พร้อมๆไปกับการบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจที่อาจทำ ให้เรานึกถึงภาพถ่ายแฟชั่นอันหวือหวาของเฮลมุต นิวตัน (Helmut Newton) ช่างภาพแฟชั่นผู้เป็นมาสเตอร์คนหนึ่งของ วงการ

Contrast : ขนเฟอร์แห่งซัมเมอร์

Summer Fur

ความแปลกของวัสดุที่ดีไซน์เนอร์นำมาสร้างสรรค์ในซีซั่นนี้คงต้องยกให้กับเฟอร์ ซึ่งสองดีไซน์เนอร์จากรันเวย์ปารีสแฟชั่น วีคได้จับเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ได้อย่างมาไตล์ เออดี้ สลีมาน (Hedi Slimane) ที่กลับคืนสู่บทบาทการเป็น ดีไซน์เนอร์อีกครั้งด้วยการเป็นครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์คนล่าสุดของ Saint Laurent เปิดตัวผลงานคอลเล็กชั่นแรก ด้วยไอเท็มชิ้นสำคัญอย่าง Smoking ทักซิโด้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ผสมเข้ากับสไตล์ในงานออกแบบของเขา เออดี้หยิบมาดของสาวโบฮีเมี่ยนมาสร้างสรรค์ใหม่ให้ดูแปลกแตกต่างไปจากนิยามของแบรนด์ที่มีสไตล์นี้มาโดยตลอด เช่น Roberto Cavalli ฟลาวเวอร์เกิร์ลของเออดี้ สลิมานถูกผสมเข้ากับกลิ่นอายของร็อกแอนด์โรล สะดุดตาด้วยหมวก ปีกกว้างและโบว์ขนาดโอเว่อร์ไซส์ รวมไปถึงลุคเฟอร์ที่ขบถรันเวย์ซัมเมอร์นี้ออกมาได้อย่างโดดเด่น

ในขณะที่แบรนด์สไตล์มินิมอลลิสต์อย่าง Céline ซีซั่นนี้ฟีบี้ ฟิโล่ (Phoebe Philo) ยังคงสร้างสรรค์ความเรียบผ่านการ ใช้โทนสีขาวดำเป็นหลัก แต่ไฮไลท์ที่สร้างความน่าสนใจให้กับรันเวย์นี้กลับกลายเป็นรองเท้าที่ดูคล้ายกับสลิปเปอร์หรือ รองเท้าลำลอง ซึ่งฟีบี้นำรองเท้าที่เรียกว่า “Birkenstock” ชื่อแบรนด์รองเท้าอันเก่าแก่ จากเยอรมันที่กลายเป็นชื่อเรียก “สไตล์” รองเท้าไปได้โดยปริยายมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งด้วยการใส่ความเป็นแฟชั่น ลงไปด้วยขนเฟอร์ประดับทำให้ สลิปเปอร์คู่เก๋นี้กลายเป็นไฮไลต์ประจำ ซีซั่นแทนที่จะเป็นรองเท้ามีส้นที่ครองแชมป์ความ เป็น must-have มาโดยตลอด และสวมใส่ได้อย่างสบายอีกด้วย ดูจะขัดแย้งได้อย่างลงตัวกับจังหวะบนรันเวย์นี้ที่ใช้เพลง “Useless” ของวง Depeche Mode

Aesthete.....