Contact us / Join us
ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน Interior design Thailand |
www.bareo-isyss.com เป็น web magazine ที่ update รายเดือนเพื่อผู้อ่าน ทัศนะและความคิดเห็นใดๆ ของผู้ประพันธ์ หรือผู้สนับสนุน
|
ทวีปยุโรป ถือเป็นดินแดนแห่งศิลปะ สถาปัตกรรม และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามต่างๆมากมาย เมื่อพูดถึงทวีปยุโรปก็พลาดไม่ได้ที่จะพูดถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรม ที่ยังคงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเปิดให้เยี่ยมชมสำหรับทวีปยุโรป ซึ่งสำหรับเดือนนี้เราได้นำสถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนดินแดนยุโรป
สถานที่ที่ 1 สนามกีฬากรุงโรม Colosseum of Rome
https://wanderwisdom.com/travel-destinations/places-to-visit-when-going-to-Rome-Italy
สนามกีฬากรุงโรม หรือ Colosseum of Rome ตั้งอยู่ที่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันยังเปิดให้เยี่ยมชมได้ และเป็นที่โด่งดังสำหรับคนทั่วโลก
สถานที่ที่ 2 หอเอนเมืองปิซา หรือ Leaning Tower of Pisa
http://cheapvacationholiday.com/leaning-tower-of-pisa/
หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) ประเทศอิตาลี ในทวีปยุโรป ปัจจุบันยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และให้ผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนอิตาลีได้เข้าเยี่ยมชม
สถานที่ที่ 3 สุเหร่าเซนต์โซเฟีย หรือ Mosque of Hagia Sophia (Istanbul)
http://www.canuckabroad.com/places/place/hagia-sophia/
http://www.unknownworld.co/hagia-sophia/
สุเหร่าเซนต์โซเฟีย หรือ Mosque of Hagia Sophia (Istanbul) ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่เมืองคอนสแตนดิโนเปิล ในประเทศตุรกีปัจจุบันยังเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้
สถานที่ที่ 4 กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ (Stonehenge)
http://www.english-heritage.org.uk/visit/places/stonehenge/ |
|
|
Stonehenge ตั้งอยู่ที่เมืองซัลลิสเบอรี่ มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาแห่งหนึ่งในเมืองซัลลิสเบอรี่ ซึ่งห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 10 ไมล์ ป็จจุบันยังเปิดให้เยี่ยมชมความสวยงามของหินที่ปรากฏขึ้นมาเป็นรูปทรงที่สวยงาม แปลกตา
สถานที่ที่ 5 พระราชวังแวร์ซายส์ หรือ Palace of Versailles
http://www.travelcaffeine.com/versailles-palace-tips/ |
พระราชวังแวร์ซายส์ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในทวีปยุโรปเป็ฯสถานที่ที่สวยงาม ล้ำค่า มีศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่ชัดเจน ปัจจุบันยังเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้
พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่สวยงามอย่างมากสร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีนายช่างสถาปนิกชื่อ อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ พระราชวังแวร์ซายส์ได้เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) ใช้เวลาประมาณ 30 ปี ใช้เงินจำนวนมากและใช้คนงานถึง30,000 คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว มีความมันวาว โอ่อ่า อลังการ เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามอย่างมากของโลกเลยก็ว่าได้
ภายในพระราชวังพระราชวังแวร์ซายส์ ได้แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ ห้องเสวย และห้องต่างๆอีกมากมาย แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่าทั้งที่เป็นวัตถุ และภาพเขียนศิลปะที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อที่สุด คือ ห้องกระจกที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส จึงต้องประกาศให้ปารีสเป็นเมืองปลอดทหารคือ ไม่มีทหารตั้งอยู่ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึกไม่ว่าจะเป็นทางใดถือได้ว่าพระราชวังแวร์ซายส์ เป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศส และโลก ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ต่อปีซึ่งสถานที่แห่งนี้คุณไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้ไปเยี่ยมยุโรป หรือฝรั่งเศส
สถานที่ที่ 6 วิหารพาร์เธนอน ( Parthenon )
วิหารพาร์เธนอน สร้างขึ้นที่ประเทศกรีซ ภายในทวีปยุโรป เป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนา ที่โดยยึดครองจากหลายยุค แต่ยังคงความสวยงามทางศิลปะ และทางสถาปัตยกรรมให้คงได้เยี่ยมชมกันในปัจจุบัน
วิหารพาร์เธนอน เป็นวิหารที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในด้านความงดงามและสัดส่วนเหมาะเจาะสมบูรณ์ วิหารพาร์เธนอนมี ความกว้าง 100 ฟุต ความยาว 230 ฟุต และสูง 65 ฟุต เป็นศิลปะแบบดอริก ออกบแบบโดยสถาปนิกชื่อ อิคตินุส (Ictinus) และ คาลลิคราเตส (Callicrates) ซึ่งดำเนินการก่อสร้างภายใต้การควบคุมของประติมากรชื่อ พิดิอัส (Phidias)
ซากที่ยังเหลือให้เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือ โครงสร้างที่ค้ำด้วยเสาหินอ่อน สีอมชมพู และหน้าบันบางส่วน ส่วนภายในเคยมี ประติมากรรม เทพีอาธีนา ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ภายในวิหารหลังนี้ ซึ่งวิหารพาร์เธนอน ใช้เป็นสถานที่บวงสรวง เทพีอาธีนา ต่อมาได้เปลี่ยนไปโดยได้ใช้เป็นโบสถ์ของชาว คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น โบสถ์คาทอลิก จนกระทั่งยุคที่ ชาวเติร์ก ครองเมืองวิหารพาร์เธนอน ถูกดัดแปลงมาเป็น มัสยิด และในที่สุดก็ถูกใช้เป็นที่เก็บดินปืน ในสงครามระหว่างเติร์ก กับ เวเนเชี่ยน (Venetian) ทำให้ถูกระเบิดเสียหายไปบางส่วน และ วิหารพาร์เธนอน มาทรุดโทรมอย่างหนัก เมื่อคราวสงครามกอบกู้อิสรภาพของกรีก จาก เติร์ก
เอกลักษณ์ เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ถือเป็นสถานที่ที่ยังคงเก็บศิลปะการออกแบบอาคารไว้ได้อย่างสมบูรณ์แม้ระยะเวลาการสร้างที่ยาวนาน คนรักการออกแบบตกแต่งภายในอย่างเราหากมีโอกาสได้ไปก็คงไม่หลาดที่จะแวะไปเยี่ยมชมสถานที่ที่สวยงาม และพลาดไม่ได้อีกหนึ่งที่อย่างParthenon
สถานที่ที่ 7 Eiffel Tower หรือ หอไอเฟล
http://www.history.com/topics/eiffel-tower
หอไอเฟล (Eiffel) ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่โด่งดัง และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่ กรุงปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส ถือเป็นสถานที่ที่สำคัญ ใครได้ไปฝรั่งเศสก็ต้องไปถ่ายรูปที่หอไอเฟลเพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ไปถึงฝรั่งเศส
หอไอเฟล (Eiffel) ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของนครปารีส ได้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1887-9 ออกแบบโดยวิศวกรที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ.1889 (พ.ศ. 2413) เป็นงานฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม
หอไอเฟล (Eiffel) ได้สร้างขึ้นท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบว่า เป็นตัวทำลายความงดงามของกรุงปารีสด้วยส่วนประกอบที่เป็นโครงเหล็ก หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 3,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต ใช้ระยะเวลาในการสร้างถึง1 ปี มีลิฟต์พาชมวิวได้สูงถึงยอดหอซึ่งมีร้านอาหารที่สามารถนั่งชมวิวได้ทั่วทั้งกรุงปารีส และชมความงามของแม่น้ำเซน จากความคิดที่บอกว่าหอไอเฟลเป็นโครงเหล็กที่น่าเกลี่ยดทำลายธรรมชาติ เมื่อมีความพิเศษสุดท้ายแล้วทำให้หอไอเฟลกลับเป็นสถานที่ยอดนิยม ใครต่อใครที่มาปารีสต้องถ่ายรูปตามธรรมเนียม หอไอเฟลเคยเป็นอาคารสูงที่สุดในโลกสมัยแรก จนกระทั่งตึกเอ็มไพร์เสตท สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1931
หอไอเฟล (Eiffel) ถือเป็นสถานที่พิเศษจากความงามในวันที่อากาศดีอาจจะขึ้นไปชมวิวได้ถึงชั้นสูงสุดที่ 899 ฟุต ภายในยามค่ำคืน หอไอเฟลจะเปิดไฟสวยสว่างงามมาก และมุมที่ดีที่สุดที่จะถ่ายภาพหอไอเฟล คือ บริเวณ Trocadero มีทั้งร้านขายของที่ระลึก และภัตตาคาร แต่เชื่อว่าหลายคนที่ไปฝรั่งเศสก็คงไม่พลาดที่จะไปหอไอเฟลอย่างแน่นอน
สถานที่ที่ 8 Mont Saint Michel in France หรือ ม่อนผานักบุญมิแชล
http://www.franca-turismo.com/english/st-michael.htm
Mont Saint Michel in France หรือ ม่อนผานักบุญมิแชลแคว้นบริตตานี ประเทศฝรั่งเศส ทวีปยุโรป ถือเป็นสถานที่แปลกตา และน่าตื่นเต้นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดในทวีปยุโรป
Mont Saint Michel in Franceเป็นพระอารามที่ตั้งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดน่าเยี่ยมชมที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เกิดขึ้นเนื่องจากอัครเทวทูตไมเกิลหรือมิแชลได้มาปรากฎองค์ต่อโอแบร์ต พระราชาคณะ(บิชอบ) แห่งอาวรางช์และมีบัญชาให้สร้างสถานที่เผยแพร่คำสั่งสอนของพระเจ้า บนเกาะที่มีภูเขา เรียกกันในเวลานั้นว่าตองเบ ลักษณะของภูเขาลูกนี้เป็นรูปกรวยคว่ำ สูงเด่นงดงามขึ้นไปจาก หาดทรายชายทะเลของแคว้นบริตตานีในฝรั่งเศส
การก่อสร้าง Mont Saint Michel in France ได้เริ่มระหว่างคริสต์ศักราช 1017-1144 ณ สถานที่อันเป็นที่ตั้งของ โบสถ์เก่าชื่อโนเตรอะดาม-ซู-แตร์ สร้างกันไปถึงยอดระหว่างสามศตวรรษถัดมา มีการสร้างเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งสถานที่ซึ่งสร้างระหว่าง ค.ศ.1211-1218 เพื่อให้ความสะดวก แก่นักแสวงบุญที่ไปพักแรมคราวละเป็นจำนวนนับพันตึกต่างๆได้สร้างแบบศิลปะโกธิคที่เด่นมากคือ ตึกลาแมร์เวย หรือ ยอดมหัศจรรย์ ประกอบด้วย หมู่กุฏิโรงทาน กุฏิโรงรับรอง และเป็นที่เลี้ยงอาหาร มีระเบียงซึ่งตกแต่งไว้อย่างงดงามสวยสดใส ช่วยให้ความงามอันแท้จริงของศิลปะโกธิคเด่นชัดขึ้น
สถาปัตยกรรมแบบโกธิค คือ มีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมา เป็นลายเส้นอันซับซ้อนทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยมทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม เป็นต้น
ในสมัยสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส อังกฤษซึ่งยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส ไว้ได้ ก็มิได้กักกันรังแกผู้ที่จะไปแสวงบุญที่นี้ ซึ่งยังช่วยให้ความสะดวกปลอดภัยอีกด้วย ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีการสร้างกำแพงป้อมปราการป้องกันศัตรูอย่างแข็งแรง แทนบางส่วนที่พังทะลายไป ที่สร้างใหม่ล้วนใช้ศิลปะแบบโกธิคทั้งสิ้น ยอดแหลมของโบสถ์ ใหญ่สร้างต่อเติมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 นี้เอง แต่ยังรักษาศิลปะสมัยกลางไว้อย่างครบถ้วน เปรียบเสมือนมงกุฎของม่อนผานักบุญมิแชล
รอบๆ Mont Saint Michel in Franceมีหมู่บ้านติดต่อกันไปตามแนวกำแพง มีความสะดวกสบายมากขึ้น และเปิดให้เยี่ยมชมสำหรับผู้แสวงบุญ และผู้ที่ต้องการไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และเก็บภาพที่สวยงามแปลกตาของMont Saint Michel in Franceถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด สถานที่ที่ 9 Saint Peters Basilica( วิหารนักบุญปีเตอร์ )
https://prycebrown.files.wordpress.com/2014/06/saint-peters-basilica-interior.jpg
https://rpstpeter.files.wordpress.com/2014/09/st-peters-basilica.jpg
Saint Peters Basilica( วิหารนักบุญปีเตอร์ )สร้างขึ้นที่ประเทศนครวาติกัน ทวีปยุโรป เป็นสถานที่ทางศาสนาอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความอลังการ สวยงาม และน่าทึ่งในสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก
วิหารนักบุญปีเตอร์เป็นสถานที่อันโอฬาร เป็นจุดสำคัญของนครวาติกัน แม้วิหารนี้จะก่อสร้างด้วยฝีมือ เลอเลิศเป็นพิเศษเท่าที่จะทำได้ แต่การเริ่มต้นเต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นสามัญธรรมดา ใน ค.ศ. 90 สันตะปาปาอนาคลีตุส ได้สร้างหอพระขนาดย่อมตรงตรงที่ฝังศพของนักบุญปีเตอร์ หลังจาก ทนทุกข์ทรมานเพื่อพระเจ้าจนสิ้นชีวิต
ต่อมาสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ซึ่งยอมรับศาสนาคริสเตียนมาเป็นของชาวโรมันจึงได้สร้าง เป็นตึกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ณ ที่นี้เองพระเจ้าชาร์ลมาญผู้ช่วยยุโรปให้พ้นภัยจากการรุกรานของคนเถื่อนและสร้าง ความเจริญก้าวหน้าให้หลังจากหยุดระยะหนึ่งก็ได้สวมมงกุฎสถาปนาจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ตัวตึกได้สร้างเป็นวิหารปัจจุบันสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 สมัยสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ผู้อุปถัมภ์ ศิลปินลือนามจำนวนมากมาย สันตะปาปาองค์นี้ทรงเห็นว่าอาณาจักรคริสเตียนจะต้องมีสำนักงานใหญ่ ไว้เก็บรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐาน การก่อสร้างจึงได้เริ่มขึ้น ณ บัดนั้นและสร้างต่อ ๆ กันมาถึง 300 ปี จึงสำเร็จเสร็จสิ้นบริบูรณ์
รูปแบบการก่อสร้างวิหารนักบุญปีเตอร์ เป็นแบบกรีกสมัยยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยมีผู้ที่เน้นแบบกรีกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือไมเคิล แอนเจโล มาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้เพิ่มเติมศิลปะแบบละติน(โรมัน) รวมเข้าไปยังวิหารนักบุญปีเตอร์ ซึ่งเห็นได้ในปัจจุบัน การตกแต่งภายในอาศัยอัจฉริยะยอดเยี่ยมของศิลปินเอกหลายท่าน เช่น ราฟาเอล และเบอนินี เป็นต้น การจัดระเบียบที่นั่งที่ประชุมภายในห้งทำได้สัดส่วนสวยงาม มีรูปปั้นของนักบุญถึง 96 องค์ ตรงกลางจัตุรัส มีเสาเหลี่ยมแหลมสูงใหญ่ซึ่งจักรพรรดิคาลิคูลาโปรดให้นำมาจากเฮลิโอโปลิส
หองามมหัศจรรย์คู่แข่งเคียงกับวิหาร คือ หอซิสไตน์ ที่ประทับส่วนพระองค์ของสันตะปาปา สร้างใน ค.ศ.1481 ภาพประดับภายในห้องและที่กำแพงเป็นฝีมือของไมเคิล แอนเจโล ชิ้นเอกและมหัศจรรย์ ในโลก ในห้องใช้เวลาเขียน 4 ปี ส่วนที่กำแพงผนังใช้เวลา 6 ปี ภาพที่ประทับใจชาวโลก ได้แก่ภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย”
พิพิธภัณฑ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับขององค์สันตะปาปาล้วนเป็นสิ่งมีค่ามีชื่อเสียง เกียรติประวัติอันมหัศจรรย์ของวาติกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติโลก เช่น หนังสือ รูปปั้น ปฏิมากร เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เครื่องเรือน เครื่องประดับ แผนที่ซึ่งได้มาจากนักสำรวจ มิชชันนารี(หมอสอนศาสนา) พระราชา จักรพรรดิ และจากบุคคลทั่วไปที่มาเยี่ยมเยียนเป็นอีกสถานที่ที่เหมาะสำหรับใครหลายๆคนที่ชอบศิลปะ เรื่องราวประวัติศาสตร์ รวมทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรม สถานที่ที่ 10 ปราสาท Heidelburg
encrypted-tbn0.gstatic.com
http://www.schloss-heidelberg.de
เดินทางมาถึงสถานที่ที่ควรไปเยี่ยมชมสถานที่สุดท้ายในทวีปยุโรป หลายคนอาจจะเคยเห็นกันแล้วแต่สถานที่สุดท้ายคือ ปราสาท Heidelburgตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมันนี
ในโลกนี้มีปราสาทโบราณไม่กี่แห่งที่ยังคงความสมบูรณ์ให้ได้ศึกษา และเยี่ยมชม ปราสาท Heidelburgเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เราสามารถมองเห็น ปราสาทอย่างชัดเจนได้จากในตัวเมือง แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปชื่นชมปราสาทกันที่บริเวณบนสะพานเก่า ซึ่งเป็นชื่อที่แปลจากภาษาอังกฤษ นั่นคือสะพานที่ชื่อว่า โอลด์บริดจ์
ปราสาท Heidelburgตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 640 ฟุต ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทางทิศตะวันออกของเมือง Heidelburgและมีแม่น้ำ Neckar ไหลผ่านในตอนหน้าของเนินเขาที่เป็นที่ตั้งของปราสาท ปราสาทแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งเป็นสมญญานามว่า” The Red Walled Castle ”ปราสาทแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานกว่าหกร้อยปีตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงและในแบบสถาปัตยกรรมแบบบารอค จึงได้รับขนานนามว่า ปราสาทกำแพงแดง หรือ The Red Walled Castleปราสาทแห่งนี้ทรุดโทรมและพังทลายลงไปมาก จนบางส่วนเหลือซากปรักหักพัง แต่บางส่วนก็มีการบูรณะแบบที่ให้รู้ว่าเป็นของโบราณอยู่ พร้อมกับจัดสภาพแวดล้อมให้คล้ายในอดีต
นอกจากนี้ยังมีตำนานที่สำคัญและปรากฏหลักฐานให้เห็นอยู่ทุกวันนี้คือ ประตูแห่งความรักที่สร้างเสร็จในคืนเดียวมีชื่อภาษาอังกฤษว่า One night gate ประตูนี้ตามตำนานเล่าว่า พระราชาทรงรักพระชายามาก เย็นวันหนึ่งพระชายาได้มองไปที่สนามหญ้าแล้วคุยกับพระราชาว่า ที่ตรงนั้นถ้ามีสวนหย่อมเล็กๆ ก็จะทำให้สนามเมื่อมองจากมุมนี้สวยขึ้นมาก ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาเช้า พระชายาตื่นขึ้นมา มองออกไปที่สนาม ก็ทรงเห็นสวนหย่อมที่สวยงาม ในสวนหย่อมมีประตูปูนปั้นขนาดกลาง ซึ่งแสดงว่าทั้งสวนและประตูใช้เวลาสร้างเพียงคืนเดียว ที่พระราชาสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อพระชายา ปัจจุบันนี้จึงมีคู่รักจำนวนมากนิยมมาทำพิธีแต่งงาน ณ สถานที่แห่งนี้
นอกจากประตูแห่งความรักแล้ว ว่ากันว่า ปราสาทที่นี่ยังมีถังเบียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จำนวนสองถัง ใบหนึ่งขนาดความสูงเท่าๆกับตึกสองชั้น ส่วนอีกใบหนึ่งมีความสูงของถังขนาดตึกสามชั้น ในสมัยโบราณพระราชาใช้สำหรับเก็บบ่มไว้นานๆทำให้มีรสชาติดีนั่นเอง
อาคารพระราชวัง ในปัจจุบัน ก็ยังรักษาสภาพของอาคารไว้ได้อย่างดี และใช้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงลักษณะของร้านขายยาโบราณ ที่น่าสนใจ เป็นลักษณะนิทรรศการณ์ ที่มีทั้งอุปกรณ์ผลิตยา ยา ขวดบรรจุยา ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ อีกด้วย เนื่องจากสาขาวิชาที่มหาวิทยาลัยแห่งแรกของเยอรมันเปิดทำการสอนในเมืองนี้ตั้งแต่เมื่อกว่า 620 ปีที่แล้วคือสาขาวิชาการแพทย์ทำให้สถานที่แห่งนี้มีเรื่องเล่า และความพิเศษหลายๆอย่าง เป็นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดในการไปเที่ยว และเยี่ยมชม
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสถานที่ที่นำมาเอาใจคนรักการออกแบบตกแต่งภายในทุกคนในทวีปยุโรป เป็นสถานที่ที่มีที่มาที่ไป ทั้งเรื่องเล่า ศิลปะ สถาปัตยกรรม รวมทั้งความสวยงาม และพิเศษ หามีโอกาสได้ไปก็อย่าลืม 10 สถานที่ที่พิเศษเหล่านี้กันนะคะ ไปแล้วก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังกันด้วยนะคะ....
ที่มา piyanan090.wordpress.com
|