ถ้าอย่างนั้น งบประมาณสำหรับการตกแต่งภายในที่เหมาะสมสำหรับบ้าน 1 หลังควรจะเป็นเท่าไร
คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมตอบมาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทเมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว ซึ่งคำตอบก็คงคล้ายๆ เดิม คือเราคงระบุให้แน่นอนไม่ได้ งานตกแต่งภายในนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของ ซึ่ง what you pay is what you get คุณจ่ายเท่าไร คุณก็ได้เท่านั้น คงไม่มีใครที่จ่ายน้อยแล้วได้มากหรอกครับ
แต่หากจะกะงบประมาณสำหรับการตกแต่งภายในจริงๆ แล้ว ควรจะคำนวณจากพื้นที่ที่ใช้ในการตกแต่งภายใน โดยหากคุณต้องการตกแต่งบ้านในพื้นที่ 200 ตารางเมตร (ไม่รวมส่วนจอดรถ ส่วน Service หรือส่วนเปิดโล่งต่างๆ) ก็นำเอา 200 ไปคูณกับ 10,000 12,000 บาท ก็จะได้งบประมาณเท่ากับ 2 ล้านถึง 2 ล้านสี่เป็นต้น ซึ่งตัวที่นำมาคูณก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของด้วยเหมือนกัน โดยหากต้องการเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่รวมส่วนพื้น ผนัง เพดาน ก็จะตกอยู่ราวๆ 10,000 -12,000 บาทต่อตารางเมตร แต่หากมีส่วนตกแต่งพื้นผิวด้วย ก็อาจจะตกอยู่ที่ประมาณ 15,000 18,000 บาท และบางครั้ง เจ้าของบ้านบางท่านอาจจะลงทุนถึง 20,000 -25,000 บาทต่อตารางเมตรเลยก็มี
นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดๆ อยู่เสมอ เกี่ยวกับเรื่องของงบตกแต่งที่ต้องเป็นสัดส่วนกับงบสร้างบ้าน บางทีก็ 25% บ้าง 30% บ้าง หรือบางทีก็ 40% ซึ่งผมเห็นว่าไม่จริง เพราะงบประมาณของการสร้างบ้านกับงบประมาณของการตกแต่งภายใน มักจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันเท่าไร มันขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของมากกว่า และบ่อยครั้งที่ผมทำงานตกแต่งในงบประมาณที่ใกล้เคียงกับงบค่าก่อสร้างบ้านก็มี เจ้าของบ้านเหล่านี้ ถือคติที่ว่า บ้านภายนอกเอาไว้ให้คนอื่นดู ส่วนบ้านภายใน เอาไว้ให้ตัวเองรื่นรมย์ เพราะมันก็เหมือนกับการซื้อรถดีๆ สักคัน เราคงไม่มีความสุขอยู่กับการยืนอยู่นอกรถ แต่เราคงมีความสุขเมื่อได้นั่งในรถมากกว่านะ ผมว่า
หากจะทำการตกแต่งภายในบ้าน จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การเตรียมตัวสำหรับการตกแต่งภายใน ควรจะเริ่มที่การสำรวจดูความต้องการของตัวเองและครอบครัวเสียก่อนว่า ต้องการอะไรบ้าง และวิถีการใช้ชีวิตของครอบครัวเราเป็นอย่างไร จากนั้นลอง List ออกมาดู ยิ่งละเอียดเท่าไรยิ่งดี เพราะบางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อย อาจส่งผลต่อแบบของบ้านทั้งหลังเลยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ที่ถอดรองเท้า คุณเชื่อไหมว่า บ้านในเมืองไทยเกือบทั้งหมด ไม่มีที่ถอดรองเท้าที่เหมาะสม ทั้งๆ ที่ธรรมเนียมของบ้านเรา พอเข้าบ้านต้องถอดรองเท้า แต่บ้านที่ออกแบบโดยสถาปนิกไทยเกือบทั้งหมด กลับไม่มีที่ถอดรองเท้าเลย ผมเคยออกแบบบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง แล้วพบกับปัญหาเรื่องที่ถอดรองเท้านี้ เพราะไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน สถาปนิกก็ตอบไม่ได้ จะให้ใส่รองเท้าเข้าบ้านก็ไม่ได้ ถอดไว้หน้าบ้านเฉยๆ ก็กลัวหาย ก็รองเท้าคู่หนึ่งราคาเหยียบหมื่นก็มี สุดท้ายต้องออกแบบโถงทางเข้าใหม่ เพื่อให้มีส่วนถอดรองเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งก็ต้องปรับแบบกันพอสมควร
นอกจากนี้ เราควรจะเตรียมงบประมาณสำหรับตกแต่งไว้ให้ชัดเจน อย่าใช้วิธีประมาณ เพราะมันจะบานปลาย ควรจะใจแข็ง และสรุปไปเลยว่า เราจะจ่ายเท่านี้เท่านั้น เพื่อให้ Interior Designer ไปทำการออกแบบมาให้อยู่ในงบประมาณ ซึ่งบริษัทออกแบบดีๆ เดี๋ยวนี้ก็มีบริการออกแบบ แบบ Turn key Service ซึ่งทำให้เจ้าของระบุงบไว้ตั้งแต่แรกเลย งบก็ไม่บานปลาย นอกจากเจ้าของจะเพิ่มเอาภายหลัง ซึ่งผมว่าดีมากมาก
จากนั้น เจ้าของบ้านควรจะทำการบ้านบ้าง เช่น ลองไปดูหนังสือตกแต่งดีๆ สักหลายๆ เล่ม เพื่อค้นหาอะไรที่เราชอบ เวลาคุยกับ Designer จะได้ง่ายขึ้น เข้าประเด็นเร็วขึ้น ซึ่ง Designer เก่งๆ ก็จะมีแบบเป็นเล่มๆ เอาไว้ให้เลือกเหมือนกัน แต่ก็จะเสียเวลาในขั้นตอนนี้มากขึ้นอีกหน่อย
สุดท้าย เจ้าของควรจะเลือกคุยกับ Designer สักสองสามราย หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพื่อหาคนที่ถูกใจ สมัยก่อน เจ้าของบ้านมักจะเลือกจากคนรู้จัก หรือให้คนอื่นแนะนำมาอีกที ซึ่งก็ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง อย่างที่เคยบอกไว้แหละครับ งานตกแต่งภายในก็เหมือนกับศัลยกรรมความงาม เลือกหมอดี ก็สมหวัง แต่ถ้าเลือกเอาง่ายๆ ก็อาจจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งใจไปอีกนานเลยก็ได้ ตอนนี้ ผมว่า Designer เริ่มเปิดตัวสู่สาธารณชนมากขึ้น ลูกค้าสามารถเลือกคุยกับ Designer ได้หลายรายมากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจ ดังนั้นอย่าทิ้งโอกาสนี้ เลือกดูก่อนนะครับ เพราะ Designer แต่ละคนก็มีความสามารถไม่เหมือนกัน ดีก็มี สมัครเล่นก็เยอะ
Back 1 | 2 | 3 Next
|