ข้อควรระวังในการตกแต่งภายใน มีอะไรบ้าง
มีเยอะแยะครับ แต่หลักใหญ่ๆ คือการที่จ่ายเงินแล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการ นั่นคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากสองสาเหตุ คือ ได้ Designer ไม่เก่งพอ กับเจ้าของไม่เข้าใจในแบบ ซึ่งต้องยอมรับว่าบ้านเราเมืองเรายังไม่มีอะไรออกมาควบคุมมากนัก ใครก็ได้สามารถออกมาเรียกตัวเองว่า Designer แล้วออกไปรับงานลูกค้า ถ้าเก่งก็ดีไป แต่ถ้าทำได้ไม่ดีพอหรือคุยกับเจ้าของบ้านไม่ชัดเจนพอก็มักจะเกิดปัญหา สุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็คือเจ้าของบ้าน เพราะจ่ายเงินไปแล้ว ก็ต้องเลยตามเลย
ปัญหาใหญ่ๆ อีกประการหนึ่ง ก็คือตัวผู้รับเหมา เจ้าของบ้านจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่เข้าใจว่าบริษัทรับตกแต่งภายในแตกต่างจากผู้รับเหมาอย่างไร เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับสถาบันการเงินในระบบกับนอกระบบ การเลือกใช้บริษัทที่มีหลักแหล่ง มีระบบการทำงาน ก็เหมือนกับการฝากเงินกับสถาบันการเงินในระบบ สุดท้ายก็จะได้รับดอกผลสมตามความตั้งใจไว้ เพียงแต่อาจจะน้อยกว่าการฝากเงินนอกระบบหรือทรัสต์เถื่อน ซึ่งอาจจะให้ดอกเบี้ยเยอะกว่า แต่ความเสี่ยงก็มากกว่า ไม่รู้ว่าพวกจะหายตัวไปวันไหน และถ้าหายไปแล้วจะตามกับใคร เพราะไม่มีการรับประกัน ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน เจ้าของบ้านจำนวนมากในอดีตต้องร้องไห้เพราะเอาเงินที่ออมมาค่อนชีวิตไปให้กับพวกผู้รับเหมา
พวกนี้ถลุงในคาเฟ่ ถอยรถกระบะป้ายแดง เสร็จแล้ว ก็หมุนเงินไม่ทัน ทำงานต่อไม่ได้ ก็หายตัวไป สุดท้ายเจ้าของบ้านก็เสียเงินไปแล้วแต่ไม่ได้อย่างที่ต้องการ เรื่องนี้ต้องระวังให้มาก สัญญาก็แค่กระดาษ เราเอาเงินไปแลกกระดาษเอาไว้ หากตามตัวไม่เจอ ก็ไม่มีประโยชน์ ควรเลือกใช้บริการตกแต่งภายในจากบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือจริงๆ เท่านั้น หรืออย่างน้อยควรจะตรวจสอบประวัติและผลงานที่เคยทำมาให้รอบคอบก็จะลงนามในสัญญา
นอกจากนี้ ในอดีต Designer เรียกเงินใต้โต๊ะจากผู้รับเหมาก็มี สาเหตุหลักๆ ก็มาจากการตัดราคา เพราะบางครั้ง Designer อาจจะยอมลดค่าบริการออกแบบเพื่อให้ได้งานไว้ก่อน จากนั้นก็ค่อยไปเรียกเงินเพิ่มเติมจากผู้รับเหมา ซึ่งมักจะเห็นได้บ่อยจากพวก Freelance ซึ่งถ้ารายไหนให้ได้ก็ OK แต่ถ้ารายไหนผ่านการประกวดราคาเข้ามา กำไรก็น้อย และยังต้องให้ใต้โต๊ะอีก พอให้ไม่ได้ก็โดนแกล้ง ได้แบบไม่ครบบ้าง ส่งงานไม่ผ่านบ้าง เปลี่ยน Spec ตลอดเวลาบ้าง สุดท้ายผู้รับเหมาก็ทิ้งงาน และผลกระทบก็มาลงที่เจ้าของบ้าน
Back 1 | 2 | 3
|