เก็บกระเป๋า ไปเที่ยวฉะเชิงเทรากันเถอะ!!

ถ้ายังไม่อิ่มอกอิ่มใจวันนี้เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับสีสัน วิถีชีวิตของผู้คนริมสายน้ำบางปะกงกันบ้าง ใช่แล้วนั่นก็คือ จังหวัดฉะเชิงเทรานั่นเอง เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายที่รอให้นักท่องเที่ยวได้มาค้นพบ เพื่อเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์ การท่องเที่ยวอันแสนสุขกลับไป แถมที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่หาชมได้ยากในปัจจุบันให้เที่ยวชมกันอย่างจุใจเลย

“ฉะเชิงเทรา”

ชื่อนี้มีการสัณนิษฐานหลายอย่างบ้างก็ว่าเป็นภาษาเขมร แปลว่าคลองลึก ตามลักษณะของแม่น้ำบางปะกงว่าเป็น คลองลึกหรือคลองใหญ่ ส่วนความเป็นมาของชื่อ “แปดริ้ว” นั้น เล่าขานเป็นตำนานกันว่าเมื่อครั้งโบราณ เมืองนี้มีลำน้ำอุดมสมบูรณ์นัก อุดมไปด้วยกุ้งหอยปูปลา นานาชนิด โดยเฉพาะปลาช่อนซึ่งเป็นปลาน้ำจืดรสชาติดี มีอยู่ชุกชุม และเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นปลาช่อนที่มีขนาด ใหญ่กว่าท้องน้ำอื่นๆ นักสามารถนำมาแล่เนื้อทำปลาตาก แห้ง ได้ถึง “แปดริ้ว” นั่นเอง

ก่อนอื่นมานมัสการขอพรกับ "หลวงพ่อโสธร" ที่วัดโสธรวรารามวรวิหารซึ่งเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาว
ฉะเชิงเทรา ที่ผู้คนจากทั่วสารทิศมักจะต้องมาสักการะ นมัสการเพื่อขอโชคลาภ และเสริมสิริมงคลให้กับตนเอง เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่กล่าวขาน

 วัดโสธรวรารามวรวิหาร

ชาวแปดริ้วส่วนใหญ่มักจะมีวิถีชีวิตตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงและลำคลองที่แตกแขนงออกไปโดยทั่วไป โดยเฉพาะ “ชุมชนหน้าเมือง”ชุมชนเก่าที่เกิดขึ้นพร้อมกำแพงเมืองฉะเชิงเทราที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเพื่อตั้งรับกับอิทธิพลตะวันตก จึงได้แต่งตั้งกรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ สมุหเทศาภิบาล เป็นเจ้าเมืองปกครองและได้ วางแผนการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ รวมทั้งอาคารพาณิชย์หน้าเมืองที่มีอยู่ในมณฑลปราจีนเป็นอาคารชั้นเดียวหลังคา มุงกระเบื้องว่าว ปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยและร้านค้า

ชุมชนหน้าเมือง

จากนั้นลองแวะไปเที่ยวชม “ชุมชนตลาดบ้านใหม่” วิถีชีวิตเก่าแก่โบราณของชุมชนชาวไทย-จีน ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงที่มี มายาวนานกว่า 100 ปี ในสมัยก่อนนั้นที่นี่เป็นแหล่งชุมชนที่มีการค้าขายทางน้ำอย่างคึกคัก ชีวิตของคนที่นี่ยังคงมีการ ดำเนินชีวิต ในรูปแบบเรียบง่ายเช่นเดิม เราสามารถสนุกสนานไปกับการถ่ายรูปวิถีชีวิต หรือหาของโบราณอร่อยๆกินได้ อย่างเพลิดเพลิน และเพื่อให้สมกับการเป็นเมืองริมน้ำบางปะกงเช่นฉะเชิงเทรายังมี “ฝูงปลาโลมา” ณ บริเวณปากอ่าว บางปะกงที่ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวซึ่งหนีหนาวอพยพมาอยู่ในบริเวณนี้ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนของทุกปีจึง ทำให้ที่นี่กลายเป็นสีสันของแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลนที่น่าสนใจ รวมทั้งปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนอกจากนี้เมืองแปดริ้วยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายรออยู่

อย่ารอช้า…รีบออกมาพักร้อนกันได้แล้ว!!!

ตลาดบ้านใหม่

การเดินทาง

สามารถเดินทางมาได้โดยเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (กรุงเทพฯ-มีนบุรี –ฉะเชิงเทรา) ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร หรือสถานีขนส่งเอกมัย รวมทั้งนั่งรถไฟชิวๆ จากหัวลำโพงไปก็ได้