Contact us / Join us
ออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาตกแต่งภายใน ตกแต่งภายใน ออกแบบภายใน Interior design Thailand |
www.bareo-isyss.com เป็น web magazine ที่ update รายเดือนเพื่อผู้อ่าน ทัศนะและความคิดเห็นใดๆ ของผู้ประพันธ์ หรือผู้สนับสนุน
|
สีเขียวแห่งปี 2013 สีเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เห็นได้ชัดในงานดีไซน์สามารถรับรู้และเข้าถึงได้ทุกคนแม้ผู้นั้นจะไม่เข้าใจถึงงานดีไซน์ชิ้นนั้นอย่างถ่องแท้ก็ตามสิ่งนี้อาจเรียกได้ว่า “มิตรภาพ” ระหว่างศิลปินและผู้เสพงานศิลป์ได้ถูกสานสัมพันธ์ขึ้นแล้วผ่านโทนสีสีสันของธรรมชาติรอบตัวเราอย่างสีเขียวขึ้นแท่นเป็นสีแห่งปี 2013 ถูกตีความในงานออกแบบแขนงต่างๆอย่างไร
|
นอกจากความหมายในเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำของสีเขียวไปแล้ว ทว่าในโลกแห่งการออกแบบไม่เคยตีกรอบใดๆ สีเขียวของปีนี้แฝงนัยถึง ความมีชีวิตชีวา เปล่งปลั่ง งดงาม ความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้นสีเขียวจึงเป็นอีกหนึ่ง เทรนด์หลักในการตกแต่งบ้านที่สำหรับพักผ่อนจากวันทำงานอันแสนวุ่นวาย วันพักผ่อนนี้ลองเดินหาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสีเขียวมาตกแต่งภายในห้องกันดู อาจจะเป็นวิธีการผ่อนคลายง่ายๆหากไม่ได้ออกไปไหนอย่างที่ฝรั่งว่า “There’s no place like home” ไม่มีที่ไหนจะสุขใจเท่าที่บ้านหรือลองหาเทียนหอมจากกลิ่นของใบแพทชูลี่ (Patchouli) พืชจำพวกสาระแหน่ที่ให้กลิ่นคล้ายกับกลิ่นของเปลือกไม้หรือกลิ่นของยูคาลิปตัสและต้นสนจะช่วยให้คุณผ่อนคลายยามหลับได้พร้อมสำหรับเช้าวันใหม่
|
มาถึงเรื่องความสวยความงามบ้าง สีเขียวถูกนำมาใช้ตั้งแต่ consumer product อย่างเช่นเครื่องสำอางที่ราคาพอซื้อหาได้ ไปจนถึงสินค้าแฟชั่นราคาแพง สีเขียวกลายเป็นเทรนด์ความงามในการแต่งแต้มดวงตา สำหรับใครที่ยังไม่มีสีเขียวใน กระเป๋าเครื่องสำอางช่วงนี้ คงต้องไปหาซื้อกันแล้ว เพราะเหล่าดีไซเนอร์จากรันเวย์ดังต่างเลือกสีเขียวมาสร้างความ โดดเด่นบนใบหน้าของนางแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอายไลน์เนอร์ แต้มอายแชโดว์บนเปลือกตา รวมไปถึงการแต่ง ขนตาให้เป็นสีเขียว เช่น การแต่งขอบตาเบาๆด้วยสีเขียวจากรันเวย์เสตลล่า แม็คคาร์ทนี่ย์ (Stella McCartney) และ เคนโซ่ (Kenzo) ไปจนถึงลุคกลางคืนอย่างคริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) และไลน์เสื้อผ้าโอต์ กูตูร์ของเวอร์ซาเช่ (Atelier Versace)
|
ส่วนเรื่องเทรนด์แฟชั่นนั้น แน่นอนว่าสีเขียวเป็นอีกหนึ่งเฉดที่ฮอตบนรันเวย์ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับจากแบรนด์หรู เช่น เบอร์เบอร์รี่ (Burberry)กุชชี่ (Gucci)หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton)ชาเนล (Chanel) และเฟนดิ (Fendi)
|
ถึงแม้วงการแฟชั่นจะว่าด้วยเรื่องความหรูหรา สิ้นเปลือง หากย้อนกลับไปดูในเรื่องของกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วงการนี้ก็มีส่วนผลักดันไม่น้อยไปกว่าวงการออกแบบในด้านอื่น กระแส eco-friendly เริ่มต้นในวงการนี้ตั้งแต่ยุค 90 นำร่องโดยการใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงดีไซเนอร์แนวอวองการ์ด (Avant-Garde) มาร์ติน มาเจียล่า (Martin Margiela) ก็พยามยามนำเสนอในเรื่องนี้ ส่วนคอลเล็กชั่นที่เป็นตัวอย่างความใส่ใจในเรื่อง สิ่งแวดล้อม เช่น สเตลล่า แม็คคาร์ทนี่ย์ (Stella McCartney) ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ ทายาทของพอล แม็คคาร์ทนี่ย์ (Paul McCartney) แห่งวงเดอะ บีทเทิลส์ (The Beatles) ได้สร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์แฟชั่นของเธอด้วยการ ไม่ใช้วัสดุ หนังและขนสัตว์ นับตั้งแต่คอลเล็กชั่น Spring 2002 และนอกจากนี้เรามักจะเห็นกระแสการต่อต้านขององค์กร PETA (People for the Ethical Treatment of Animals) หรือองค์กรพิทักษ์สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีต่อการใช้วัสดุหนัง ขนสัตว์ ที่นำมาใช้ทำสินค้าแฟชั่นราคาแพง
|
จะเห็นได้ว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นเข้ามามีบทบาทต่อวงการออกแบบมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งของใช้ประจำวัน อย่างเช่นเสื้อผ้ารันเวย์ของอเล็กซานเดอร์ แม็คควีน (Alexander McQueen) ซีซั่นนี้จับเอารังผึ้งมาเป็นส่วนประกอบในงานออกแบบรังผึ้งเป็นตัวแทนของธรรมชาติ ต้นกำเนิดของชีวิตและเป็นสิ่งที่โอบอุ้มมนุษย์สำหรับการช็อปปิ้งของคุณในครั้งต่อไปลองหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่ทดลองกับสัตว์หริอแพ็คเกจที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลที่ร้านได้รวมไปถึงเสื้อผ้าชิ้นสวยที่ตัดเย็บจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกัน
|