ตอนเช้าตรู่ของวันต่อมา ผมกับ Maya เลยขออนุญาตลูกๆ ออกไปถ่ายแสงตอนเช้าใน Farm กัน เมื่อลูกทั้งสองพยักหน้าอนุมัติแล้ว เราสองคนเลยออกมาได้..

ภาพนี้ถ่ายขณะออกมาได้หน่อยนึง ก็เริ่มจอดแวะซะแล้ว..
ที่เห็นลิบๆ นั้นเป็นที่พักครับ..

แสงเช้าของบรรยากาศใน Farm..

ดินสีของ Sienna อันเป็นที่มาของชื่อสี Burnt Sienna (อันที่จริงภาพเมื่อกี้ ไม่ใช่ดินของ Sienna จริงๆ เพราะ Sienna เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ดินก็สีเหมือนๆ กัน เลยตีขลุมอ้างเอาซะเลย..)

ที่อิตาลี ในช่วงเดือนเมษาฯ พระอาทิตย์จะขึ้นช้า สว่างนาน และตกตอนประมาณเกือบสองทุ่ม..เรียกว่ามีเวลาเตรียมตัวกันนานทีเดียว ทำให้ถ่ายรูปได้ง่าย..ชอบจริงๆ

เมื่อถึงที่พัก พวกเราก็เก็บรูปของสระว่ายน้ำเพิ่มเติมอีกหน่อย ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปเมือง Pienza นัยว่าจะตามหาสัญลักษณ์ของทัสคานีกันครับ..

แถมด้วยบ่อน้ำอีกซักหน่อย เป็นของที่พักของเราเหมือนกัน..แต่อยู่คนละรั้ว..
ชอบต้นไม้แบบนี้จังเลยค่ะ...เคยเห็นแต่ในหนังกับภาพถ่ายในหนังสือ มาเห็นต้นจริงกับตา เลยขอบันทึกไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำ...

สำหรับความดีของภาพชุดนี้ ต้องยกให้กับธรรมชาติที่สวยงามของทัสคานี ที่เป็นดินแดนของเนินเขาเขียวขจี (ในฤดูนี้) กับชาวอิตาเลี่ยนที่เข้าใจหาความสุขในการดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย..

ถ้าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวแบบสุดยอดจริงๆ เช่น โรม ฟลอเรนซ์ หรือเวนิช ผู้คนมักจะอาศัยอยู่ในบ้านเดิมของตน ตราบนานเท่านาน ทุกคนอารมณ์ดี และพร้อมให้ความช่วยเหลือกับนักท่องเที่ยว แม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็ตาม..
มาต่อกันดีกว่า..

พอหลังจากเสร็จมื้อเช้า ครอบครัวของเราก็เริ่มทำการเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทางไปจุดต่อไป ซึ่งนั่นคือเมือง Pienza

ต้องยอมรับจริงๆ ว่าทริปนี้ ผมไม่ได้เตรียมอะไรเลย เป็น Maya ที่จัดการทั้งหมด ส่วนตัวผม จะรับรู้แบบวันต่อวัน เลยมี Surprise เล็กๆ ระหว่างเดินทางด้วยครับ..

สำหรับเมือง Pienza นี้ห่างจากที่พักของเราไปไม่เกิน 30-40 กม. แต่ในระหว่างทาง พวกเราแวะซะเยอะ เลยใช้เวลาเดินทางกันซะชั่วโมงครึ่ง..

พอเล่นกันพอสมควรแล้ว พวกเราก็กลับขึ้นรถ..และก็แวะตลอดทาง เหมือนเช่นเคย..
แวะจนลูกๆ บอกไม่ขอลงแล้ว เบื่อเหลือเกิน..

แต่สุดท้าย เราก็มาเจอสิ่งที่เราตามหากัน นั่นคือ "Symbol of Tuscany" เพราะเจ้าอาคารหลังเล็กๆ นี้ ปลูกต้นสนไซเปรสขนาบสองข้างอย่างมีเอกลักษณ์จนมีภาพตีพิมพ์ลงในหนังสือท่องเที่ยวที่เราซื้อเกือบทุกเล่ม ผมเลยขอเรียกเจ้าอาคารหลังนี้ (รู้สึกจะเป็นโบสถ์) ว่าเป็นสัญญลักษณ์ของทัสคานีซะเลย..

อาคารหลังนี้ จะมีภาพถ่ายเกือบทุกฤดูแล้ว ทั้งตอนที่พื้นดินเป็นสีแดง สีเขียว หรือสีกระดำกระด่าง แต่ตอนที่เราไปเป็นสีเขียวแฮะ..สวยดีจัง..

..

หลังจากที่ได้ชื่นชมกับความสุขในการค้นพบสิ่งที่ได้ตั้งใจไว้ พวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังเมือง Pienza ซะที (เจ้า Symbol เนี่ย อยู่ห่างเมือง Pienza ประมาณ 7-8 กม. มีที่พักรถให้จอดชมวิวด้วย)

เมือง Pienza เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ แต่มีนักท่องเที่ยวมาแวะเที่ยวกันมากพอสมควรเลยทีเดียว..

อันที่จริง เมือง Pienza เนี่ยให้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวดิสนีย์เลยครับ.. คือต้องจอดรถด้านนอก (แต่ใกล้ๆ) จากนั้นก็เดินเข้าเมือง ซึ่งด่านแรกที่เจอ จะเป็นลานกว้าง มีร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐแบบโบราณ แล้วจึงเดินเข้าไปเจอจตุรัสกลางเมือง..

ที่เล่ามาซะยืดยาว เพราะจะบอกว่า..ภาพส่วนนี้..ม่าย..มี..คับ..เอาแต่เดินสนุก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายเลย..อิอิ..

สำหรับที่เมือง Pienza เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเขา และเป็นถิ่นกำเนิดของ Pope Pius II โดยชื่อเมืองจะให้ความหมายว่า "เมืองของ Pius"

ดั้งเดิมแล้ว เมืองนี้ชื่อว่า Corsignano แต่พอสันตะปาปา Pius ที่สองได้รับการแต่งตั้ง ก็ได้มีการปรับปรุงเมืองนี้ซะใหม่ โดยการสร้างอาคารขึ้นรอบบริเวณจตุรัสกลางเมือง โดยใช้สถาปนิกจากเมือง Florence..

แต่เนื่องจาก Pope Pius II ได้เสียชีวิตลงในปี 1464 (ไม่แน่ใจว่าต้องใช้ราชาศัพท์หรือเปล่า..) ทำให้โครงการปรับปรุงเมืองใหม่ได้สิ้นสุดลงไปด้วย และนอกจากบริเวณจตุรัสกลางที่เป็น Pallazzo แล้ว ที่เหลือของเมืองก็เป็นซอกเล็กซอกน้อยให้เดินเล่นเพลินๆ..

แถมมีร้านขายของที่ระลึก ประเภท Tableware ที่ทำจาก Ceramic เขียนสีสันสดใสให้ซื้อเต็มไปหมด (มีบริการส่งกลับถึงบ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกด้วยครับ)

..

อิตาลี่ : โรม, นครอมตะนิรันดร์กาล ตอนที่ 1