ภายในโบสถ์ครับผม..

ตรงที่กั้นไว้ เป็นบ่อน้ำพุที่สร้างขึ้นในปี 1510 (มีหนังสือบอก) และถูกรื้อออกในช่วงศตวรรษที่ 18 สุดท้ายได้กลับมาตั้งในโบสถ์เมื่อปี 1952 มานี้เอง..

แล้วพวกเราก็เดินเข้าไปในจตุรัสวงรี (หนังสือท่องเที่ยวเค้าบอกมาเหมือนกัน)

อันที่จริง จตุรัสวงรีหรือ Piazza Anfiteatro นี้ เดิมเป็น Amphitheater ยุคโรมัน แต่ถูกทำลายลงในราวศตวรรษที่สอง และได้สร้างบ้านขึ้นมาทับแทน แต่ยังอาศัยเส้นโครงรอบของ Amphitheater เดิม จึงกลายเป็นลานรูปวงรีแบบนี้ครับ..(ฟังดูน่าเชื่อถือมาก)

ตอนที่ผมไป เค้าจัดงานขายไม้ดอกไม้ประดับ ผมเลยถ่ายรูปดอกไม้มาฝาก..มีกุหลาบสีแดงด้วย..คุ้นๆ เนอะ..

พอเข้าเมือง ต้องวนหาที่จอดรถยาวมาก เพราะ Garmin เกิด Hang ขึ้นมาเฉยๆ ตอนทางแยกพอดี เลยต้องเดา..ดันเดาผิดอีก..เลยยาวไปเลย เพราะ Florence เป็นเมืองใหญ่แบบ Rome เพราะฉะนั้นผิดแล้วผิดเลย..ต้องลงไปถามทางกันนานเชียว..

สุดท้าย ได้ที่จอดรถราคา 20 ยูโรตามคำแนะนำของโรงแรม(อีกแล้ว) พอได้ห้องเสร็จ พวกเราก็ลงมาตะลุย Florence กันแบบไม่ให้เสียเวลา..

ฟลอเรนซ์ หรือ ฟิเรนเซ่ (Firenze) คือเมืองหลวงแห่งแคว้นทัสคานี เป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งศิลปะเรอเนสซองส์ของโลก เป็นศุนย์กลางของสถาปัตยกรรม วรรณกรรม ตลอดจนวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองตลอดศตวรรษที่ 15 งานศิลปะที่พบเห็นเป็นงานฝีมือที่ยากจะหาคนทำได้ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดอ่อนของการสลักลวดลายลงบนหินอ่อน หรือแม้แต่รายละเอียดและสีสันที่ยังคงสดสวยของภาพวาดบนเพดานโบสถ์ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม ฟลอเรนซ์ เป็นเมืองที่ไม่มีตึกสูง จะพบเห็นเพียงร้านค้า ร้านอาหารแบบทัสคัน ร้านกาแฟเล็กๆ ตามอาคารเก่า  คงเหลือให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองที่มีมาเนิ่นนาน นอกจากนี้จากทำเลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอาร์โน มีความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน เป็นศูนย์กลางของการค้า และการธนาคาร มั่งคั่งถึงกับออกเงินตราใช้เอง คือ สกุลฟลอเรนทีน และมีตั๋วแลกเงินขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกก็ที่นี่แหละ