|
แล้ววันที่สี่ของการเดินทางก็มาถึง พวกเรามีโปรแกรมที่จะได้เที่ยวอีกวันกว่าๆ เพราะวันรุ่งขึ้น จะเป็นวันสุดท้ายของเราในฮานอย ซึ่งจะต้องขึ้นเครื่องกลับประมาณเที่ยง ดังนั้น เราจึงตั้งใจจะสนุกให้เต็มที่กับทริปที่เหลืออยู่ โดยเริ่มกันตั้งแต่เช้าที่คุณจีไปรับพวกเราที่โรงแรม จากนั้น ก็พากันออกเดินทางไปที่ Ninh Binh ซึ่งใครบางคนบอกกับเราว่าเป็น ฮาลองบก แล้วยังสำทับอีกว่า ถ้ามาเที่ยวฮาลองเบย์แล้วไม่มาฮาลองบก แปลว่ายังไม่ครบสูตร...
ในใจพวกเรา ยังรู้สึกว่าฮาลองเบย์ก็ยังไม่ค่อยถึงใจเท่าไร พวกเราติดใจสภาพความเป็นอยู่ของชาวเวียดนามระหว่างทางซะมากกว่า คราวนี้ระหว่างทาง เราเลยขอคุณจี ไกด์แสนดีของเราให้ช่วยหาที่แวะเพื่อถ่ายภาพระหว่างการเดินทางด้วย คุณจีก็แสนดี ช่วยเจรจากับคนขับรถ ซึ่งโดยปกติจะไม่ค่อยออกนอกเส้นทางเท่าไร ให้ช่วยแวะตามที่ต่างๆ
โดยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่คุณจีเล่าให้ฟังว่าชาวเวียดนามจะนับถือศาสนาพุทธซะประมาณ 90% และที่เหลือก็เป็นศาสนาคริสต์ เราเลยอยากรู้ว่าโบสถ์คริสต์ที่เราเห็นระหว่างทาง จะมีบรรยากาศแบบไหน เพราะดูสูงตระหง่าน น่าประทับใจเหลือเกิน ผมเลยบอกกับคุณจีให้ช่วยแวะให้เราดูโบสถ์หน่อย ภายหลังจากการปรึกษาหารือกับคนขับรถแล้ว พวกเราก็เลยบุกตะลุยเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ริมทาง
ขณะที่พวกเราตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศบ้านในชนบทอยู่นั้น พวกเด็กๆ ในหมู่บ้านก็พากันวิ่งออกมาดูพวกเรา คุณจีเล่าว่าเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านเท่าไร เราเลยขอให้พวกเด็กๆ มาเป็นแบบให้กับพวกเรา ซึ่งแรกๆ ก็มีเขินอยู่บ้าง แต่พอถ่ายไปถ่ายมา ก็สนุกกันใหญ่ ต่อไปเป็นภาพชุดที่ได้มาจากในหมู่บ้านนะครับ...
|
|
|
|
บ้านในชนบท (Rural House)
บรรยากาศของบ้านในชนบทที่ผมถือวิสาสะบุกเข้าไปถ่ายภาพในบ้าน เพราะลองเปิดประตู และตระโกนถามดูแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในบ้าน ผมเลยขอเก็บบรรยากาศที่น่าประทับใจไว้ซะ 1 ภาพ...
|
|
|
Boy Gang - 1
เป็นภาพของเด็กๆ ที่เดินถือขนมอะไรบางอย่าง คุณจีเล่าว่าเป็นขนมที่เกิดจากแป้งที่ใส่เข้าไปในท่อเหล็ก และทำให้ร้อนจนบวมพอง แล้วจึงนำออกมาม้วนเป็นรูปร่างต่างๆ ขายให้เด็กๆ กินเล่นอย่างที่เห็น |
|
|
Boy Gang - 2
ตอนนี้ พวกเราเข้ามาในโบสถ์แล้ว ซึ่งสภาพภายในก็คล้ายๆ กับโบสถ์คริสต์ในบ้านเรา ดูเหมือนโบสถ์คริสต์แห่งนี้ จะเป็นศูนย์กลางของชุมชน และพอครอบครัวเราไปบริจาคให้ ก็เลยกลายเป็นข่าวที่ทำให้บรรดาพ่อแม่และเด็กๆ เริ่มไว้วางใจพวกเรา และยินดีเป็นแบบให้เราถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน |
|
|
|
Boy Gang 3
อีกภาพหนึ่งของบรรดาแก็งค์เด็ก แต่คราวนี้จับมาเรียงแถวถ่ายภาพซะเลย ผมเคยถามคุณจีเกี่ยวกับโรงเรียน ว่าทำไมทุกวันถึงมีเด็กอยู่บ้าน คุณจีก็เลยเล่าให้ฟังว่าในเวียดนาม เด็กๆ จะเรียนเพียงครึ่งวัน เพื่อให้เด็กๆ ได้กลับมาช่วยงานทางบ้านในครึ่งวันที่เหลือ ซึ่งผมคิดว่าเป็นกุศโลบายที่ดี ที่ผลักดันให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าโรงเรียนได้อย่างเต็มใจ เพราะเด็กจะสามารถเรียนไปด้วยและช่วยทำงานไปด้วยได้ เหมาะกับสภาพบ้านเมืองที่อาศัยรายได้หลักจากการเกษตรกรรม และยังช่วยให้เด็กๆ ได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่มากขึ้นอีกด้วย
เรื่องนี้ ยังจัดว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็กไทยในชนบทที่ห่างไกล พอโตขึ้นมาหน่อย ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะทางบ้านต้องการแรงงาน ทั้งๆ ที่เด็กยังสามารถเรียนต่อได้ แต่ก็ขาดทางบ้านคอยส่งเสีย ทำให้ต้องเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทางผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองหันกลับมาพิจารณาเรื่องนี้บ้าง หากมีทางเลือกให้เด็กสามารถเรียนครึ่งวันได้บ้าง เราคงจะไม่สูญเสียทรัพยากรบุคคลอันมีค่าในอนาคตเพื่อแลกกับแรงงานเด็กที่มีแต่จะโดนกดขี่และไม่เป็นธรรม อย่ามัวแต่คิดถึงเด็กในเมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว
|
|
|
|
|
Shy
หนูน้อยคนนี้ เกาะชายเสื้อของแม่ซะแน่น ตอนที่ผมกำลังจะถ่ายภาพ ผมชอบหน้าตาของเธอที่ดูเหมือนจะแบ่งตัวผมให้ออกไปจากโลกส่วนตัวของเธอจริงๆ
|
|
|
|
ขาโจ๋ในฮานอย
(Hanois Teenager)
เด็กคนนี้ พอเลิกเรียนตอนเที่ยงแล้วกลับมาเห็นแขกแปลกหน้าอย่างพวกเราเข้ามาเที่ยวในหมู่บ้าน แทนที่จะหลบๆ เหมือนเด็กคนอื่น กลับปั่นจักรยานเข้ามาแล้วมาโพสต์ท่าอย่างที่เห็นให้พวกเราถ่ายรูป นึกๆ ดู เด็กวัยรุ่นที่ไหน ก็เหมือนกันหมดทั่วโลก เด็กก็ยังเป็นเด็ก ขอให้ได้เล่นสนุก มีคนรัก เอาใจใส่ ก็สุขล้นแล้ว บางที หากโลกใบนี้ หันมาใส่ใจกับดัชนีความสุข แทนดัชนีความร่ำรวย ชีวิตของพวกเราก็น่าจะมีความสุขมากกว่านี้ ก็เป็นได้ |
|
แฟนฉัน ภาคเวียดนาม
(My Girl Vietnamese Version)
ดูภาพนี้ แล้วนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน ภาคภาษาเวียดนาม คงไม่ต้องบรรยายต่อนะครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|