ควรเริ่มว่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายในเมื่อไร?
คุณสามารถขอคำปรึกษาจากนักออกแบบตกแต่งภายในได้ ตั้งแต่คุณเริ่มคิดที่จะ ทำงานตกแต่งภายในโดยนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพมักจะยินดีที่จะให้คำปรึกษากับลูกค้า ในอนาคตของเขาเสมอ โดยในขั้นตอนนี้คุณยังไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดเพียงแต่ คุณจำเป็นต้องมีข้อมูลพอสมควรในการขอคำปรึกษาไม่เช่นนั้น คงจะไม่มีนักออกแบบคนใด ที่จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลที่จำเป็นต่อการขอคำปรึกษาจากนักออกแบบตกแต่งภายในได้แก่
1. ขนาด ที่ตั้งและรูปร่างของโครงการหรืออาคารที่จะทำการตกแต่ง
2. งบประมาณที่ได้ตั้งใจไว้
3. รูปแบบหรือ Style ที่ชอบเป็นพิเศษ
4. ความต้องการหรือประโยชน์ใช้สอยที่ต้องการจากพื้นที่นั้นๆ
5. ข้อจำกัดต่างๆ ในงานออกแบบ (ถ้ามี) และ
6. ของประดับใดหรือสีใดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ และต้องการให้มีในงานออกแบบ (ถ้ามี)
ภายหลังจากที่คุณได้รับคำปรึกษาจนพอใจ และพร้อมที่จะเริ่มลงมือทำงานตกแต่งภายใน แล้วคุณสามารถที่เริ่มว่าจ้าง นักออกแบบตกแต่งภายในได้เลย โดยค่าบริการออกแบบนั้นจะมีการเรียกเก็บเป็นงวดๆ ดังต่อไปนี้
1. ค่าบริการออกแบบงวดที่ 1 หรือค่ามัดจำงานออกแบบนักออกแบบส่วนใหญ่มักจะขอเรียกเงิน
ค่ามัดจำงานออกแบบ ประมาณ 30% จากค่าจ้างทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีความตั้งใจ จริงที่จะทำการตกแต่งภายใน ไม่ใช่มาขอคำปรึกษาเล่นๆหรือทิ้ง ให้เขาออกแบบรอเก้อ
2. ค่าบริการออกแบบงวดที่ 2 ประมาณ 30% นักออกแบบตกแต่งภายใน จะขอเรียกเก็บค่าบริการออกแบบ งวดที่ 2 ภายหลังจากที่ได้นำเสนอแบบร่างขั้นต้น และได้รับการอนุมัติ แบบจากลูกค้าแล้ว
3. ค่าบริการออกแบบงวดที่ 3 ประมาณ 20% เมื่อนักออกแบบตกแต่งภายใน ได้นำเสนอแบบร่างขั้นพัฒนาและได้รับการอนุมัติแบบจากลูกค้าแล้วเช่นกัน
4. ค่าบริการออกแบบงวดสุดท้าย ประมาณ 20% เมื่อนักออกแบบตกแต่งภายใน ได้ส่งแบบรายละเอียดทั้งหมดให้กับลูกค้าแล้วอย่างไรก็ดี บางครั้งลูกค้ามักจะ ทำสัญญากับนักออกแบบตกแต่งภายในให้จัดการประกวดราคาให้ด้วย โดยอาจเพิ่มงวดเข้าไปอีกหนึ่งงวดภายหลังจากการส่งแบบรายละเอียดทั้งหมด หรืออาจจะมีเงินค่าจ้างสำหรับให้นักออกแบบเข้ามาตรวจงานของผู้รับเหมา ตามแบบรายละเอียด ในระหว่างงานตกแต่งอีกก็ได ้ ทั้งนี้ ค่าจ้างเหล่านี้ มักจะเป็นค่าจ้างเพิ่มเติม ซึ่งจะตกลงกันระหว่างลูกค้ากับนักออกแบบตกแต่งภายใน ก่อนทำสัญญาว่าจ้าง
Back 1 | 2 | 3 | 4 Next
|