Home Theatre ที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน ก็ถูกจัดให้อยู่ใน Zone ที่ต่อจากห้องทานอาหาร ก่อนที่จะเข้าไปที่ห้องนอนใหญ่ เป็นห้องเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและคลายเครียดโดยการดูหนัง ฟังเพลง โดยผนังห้องจะมีผนังสำหรับติดตั้ง LED TV ขนาดใหญ่ โดยจะตกแต่งด้วยกระจกเงาลวดลายประดับสวยงาม ด้านข้างมีที่สำหรับวางลำโพงอย่างลงตัว
ส่วนตรงข้ามกับห้องโฮม เธียเตอร์ คือมุมทำงานเล็กๆ สำหรับให้เจ้าของบ้านได้เคลียร์งานเล็กน้อยที่อาจจะค้างจากที่ทำงาน หรือนั่งทำงานอดิเรกสบายๆ ซึ่งดีไซเนอร์ก็ได้ออกแบบให้เรียบง่าย เป็นโต๊ะทำงานยาวติดกับริมหน้าต่างเพื่อให้แสงแดดเข้ามาช่วยสร้าง บรรยากาศดีๆ ในยามเช้า และยังทำให้ห้องดูปลอดโปร่งและสดชื่นอีกด้วยค่ะ ซึ่งโต๊ะทำงานนี้ ก็ยังมีที่วางหนังสือด้านข้างเพื่อความ สะดวกสบายในการจัดเก็บและหยิบหนังสือมาใช้งาน ดูกิ๊บเก๋ทีเดียว
ห้องแต่งตัว แบบ Walk- in Closet เป็นห้องเล็กๆ ที่ติดกับห้องน้ำ และเป็นห้องที่มีหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งทาง Designer ได้บรรจงวางห้อง นี้ไว้เพื่อให้ได้รับแสงแดดเข้ามาเพื่อให้เหมาะกับการเลือกเสื้อผ้า และแต่งตัวเป็นอย่างมากค่ะ โดยที่ใต้หน้าต่างจะมีตู้เตี้ยที่เรียกว่า Cupboard สำหรับเก็บของกระจุกกระจิกต่างๆ รวมทั้งเสื้อผ้าที่ไม่ต้องการแขวน และข้่าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อย
และห้องสุดท้าย คือห้องนอนเพียงหนึ่งเดียวของห้องชุดนี้ และด้วยขนาดของห้องที่มีค่อนข้างเล็ก ทาง Designer จึงได้ออกแบบห้องนอน ดูเรียบง่าย เหมาะสำหรับการพักผ่อนและนอนหลับจริงๆค่ะ โดยเตียงนอนขนาด King Size จะถูกจัดวางไว้อยู่ใกล้กับหน้าต่างกระจกบาน ใหญ่ ประดับด้วยผ้าม่านสีเบจ สบายตาภายในกล่องผ้าม่าน เพื่อเพิ่มความหรูหราขึ้นอีกนิด
ส่วนผนังหัวเตียงก็ประดับด้วยคิ้วไม้พ่นสีขาวเรียบ ประดับด้วยภาพขนาดใหญ่ ตัดกับสีของหัวเตียงสีน้ำตาลเข้ม ในขณะที่ปลายเตียง ก็ยังคง ครบเครื่องด้วยผนัง LED TV พร้อมชั้นวางเครื่องเสียง และตู้หนังสือที่อยู่ในหลืบด้านข้าง เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้ครบเต็มคุณค่า
|